ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น หรือ ITC เตรียมขายหุ้นไอพีโอ พร้อมโชว์ผลงานครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่งรายได้โต 38% ตอกย้ำศักยภาพผู้นำอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก

บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC บริษัท Flagship ในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มไทยยูเนี่ยน โชว์ผลงานครึ่งแรกของปี 2565 เติบโตแข็งแกร่ง โดยในครึ่งปีแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้เสมือน 9,707 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเสมือน 2,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% และ 40%  ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำศักยภาพในฐานะผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในเอเชีย และอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ประกาศความพร้อมเดินหน้าเข้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่ง

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การเติบโตของเราในช่วงครึ่งปีแรกตอกย้ำว่าความมุ่งมั่นของบริษัท ที่ยึดแนวการให้บริการแบบร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า (Co-Creation) ด้วยนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้ารายใหญ่ทั่วโลก ส่งผลต่อยอดขายที่สูงขึ้น  พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งแล้วในวันที่ 19 กันยายน 2565”

“ในครึ่งปีแรก ไอ-เทล มียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องจากการขยายฐานลูกค้าของบริษัท ไปยังเครือซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศสหรัฐอเมริกา ยอดสั่งผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของลูกค้ารายใหญ่ทั้งในกลุ่มอาหารแมวและอาหารสุนัข รวมไปถึงการปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ตามต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น  นอกจากนี้ยังมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรได้เพิ่มสูงขึ้น  อีกทั้งการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัท” นายพิชิตชัยกล่าวต่อ

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า “ปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบไฟลิ่งของ ไอ-เทล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 โดยบริษัทมีแผนในการไอพีโอจำนวนไม่เกิน 660 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 22% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ประกอบด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย TU จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น และเมื่อได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้นไอพีโอ และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับ จะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้นไอพีโอ และ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในลำดับต่อไป”

สำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไอ-เทล มีเป้าหมายในการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายกำลังการผลิตปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และขยายโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการผลิต รวมไปถึงการปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติ และระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ (Automated Warehousing and Labelling System) ตลอดจนการใช้เพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ  รวมถึงการชำระหนี้เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน พร้อมใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจในอนาคต

“ไอ-เทล มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วยหลักวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมที่ก้าวล้ำกว่าผลิตภัณฑ์อาหารทั่วไป ผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Pet  Humanization ยกระดับอาหารสัตว์เลี้ยงให้เป็นอาหารระดับพรีเมียมโดยคำนึงถึงความต้องการของสัตว์เลี้ยงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง ครอบครัว และโลกของเรา” นายพิชิตชัย กล่าวปิดท้าย

ที่มา: การจัดอันดับเชิงมูลค่าอ้างอิงจาก Frost & Sullivan, www.petfoodindustry.com ณ ปี 2564

หมายเหตุ:

  • เอกสารเผยแพร่นี้มิได้เป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือประเทศอื่น ๆ หลักทรัพย์ที่กล่าวถึงในเอกสารนี้ไม่ได้จดทะเบียนตามกฏหมายหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 1933 (U.S. Securities Act of 1933) รวมทั้งฉบับที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม และไม่อาจเสนอขายหรือขายในประเทศสหรัฐอเมริกา เว้นเเต่จะได้จดทะเบียนตามกฎหมายหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว หรือการเสนอขายหรือการขายหลักทรัพย์ดังกล่าวได้รับยกเว้นการจดทะเบียนตามกฎหมายหลักทรัพย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้จะไม่มีการเสนอขายหลักทรัพย์ที่กล่าวถึงในเอกสารนี้ต่อประชาชนเป็นการทั่วไปในประเทศสหรฐัอเมริกา เอกสารฉบับนี้จะไม่ถูกเผยแพร่และไม่ควรเผยแพร่หรือส่งไปยังประเทศสหรฐัอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
  • เว้นแต่ที่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่น ข้อมูลทางการเงินงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 และ 2565 ในส่วนนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยอ้างอิงมาจากข้อมูลทางการเงินรวมเสมือน
  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน