ซูกิชิเติบโตต่อเนื่องตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดปิ้งย่าง พร้อมขยายธุรกิจด้วยการเพิ่มสาขาและร้านแฟรนไชส์ อีก 20 สาขาภายใน 3 ปี

ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจอาหารเกาหลีและปิ้งย่างเตาถ่านมายาวนานกว่า 22 ปี ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจอาหารและโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค เน้นเสิร์ฟความสุขจัดเต็มกับปิ้งย่างเตาถ่านและอาหารทานได้ไม่อั้น ภายใต้ราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงผ่านคอนเซ็ปต์ “Sukishi สุข Overload” พร้อมต่อยอดและส่งธุรกิจให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการถ่ายทอดความรู้ และกลยุทธ์ผ่านประสบการณ์ในธุรกิจอาหารเกาหลีในไทยมาอย่างยาวนาน ตั้งเป้าขยายสาขาและร้านแฟรนไชส์เพิ่มอีก 20 สาขาภายใน 3 ปี

นายนพดล จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป เผยว่า “ในปี 2565 ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป มียอดขายเติบโตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลยุทธ์ที่สนับสนุนการเติบโตและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดปิ้งย่างนี้มาจากคอนเซ็ปต์ ‘Sukishi สุข Overload’ ที่ส่งมอบช่วงเวลาแห่งความสุขพร้อมเสิร์ฟปิ้งย่างเกาหลีเตาถ่านแบบไม่อั้น ด้วยวัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมี่ยมกว่า 100 รายการ เช่น หอยนางรมเกาหลี เนื้อวากิว เนื้อแกะ ฯลฯ ซึ่งเป็นเมนูที่ตอบโจทย์ความชอบของกลุ่มเป้าหมายสายปิ้งย่างที่ต้องการทานเมนูพรีเมี่ยมแบบไม่อั้นในงบประมาณที่ควบคุมได้เนื่องจากมีราคาให้เลือกถึง 4 ระดับตั้งแต่ 399+ บาท/ท่านไปจนถึง 1,199 +บาท/ท่าน ประกอบกับการสร้างเรียลไทม์เมนู (Real-Time Menu) จับเทรนด์เกาหลีตามกระแสซีรี่ส์มาเป็นเมนูอาหารที่หน้าร้าน พร้อมทั้งมีการปรับเมนูอาหารทุกไตรมาสโดยพิจารณาจากความนิยมของลูกค้าที่สั่งออเดอร์ออนไลน์ที่ร้านผ่านทาง QR Code เพื่อให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าควบคู่ไปกับการทันกระแสนิยม ทำให้ซูกิชิครองใจผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น”

“ทางซูกิชิเองมีการทำแคมเปญการตลาดผ่านวัตถุดิบใหม่ ๆ (New Ingredient Excitement Campaign) เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น “Busan Seafood” การนำวัตถุดิบจากทะเลเกาหลี เช่น หอยนางรมเกาหลีมาให้ลูกค้าทานได้ไม่อั้น, “Black Garlic & Honey” การนำกระเทียมดำหมักสไตล์เกาหลีที่ดีต่อสุขภาพช่วยเพิ่มภูมิต้านทานและน้ำผึ้งมาเพิ่มรสชาติให้เมนูต่างๆ และแคมเปญล่าสุด “Say Kimchi Cheese” ที่นำชีสที่ผู้บริโภคชื่นชอบมาผสมผสานกับกิมจิรสเข้มข้นสูตรเฉพาะของซูกิชิ ซึ่งหมักด้วยวิธีธรรมชาติมีโพรไบโอติกส์ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน มาเพิ่มรสชาติให้เมนูปิ้งย่าง และยังมีการจัดทำโปรโมชั่นเมนูพิเศษตามเทศกาล (Festive Campaign) สอดแทรกไปตลอดปีเช่น กระทงเนื้อลูกเต๋า ต้นคริสต์มาสหมูสามชั้น เพื่อเพิ่มความถี่การมาใช้บริการของลูกค้าที่ร้านมากขึ้นด้วย”

“ไม่เพียงแค่การพัฒนาเมนู ทางซูกิชิยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารทางการตลาดทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพจรีวิวอาหารและสื่อออนไลน์ทั้งภาพนิ่งและวีดิโอที่ประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Facebook, Instagram, Tiktok, Youtube และ VIU ซึ่งเป็นช่องทางที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายนิยมดูซีรีส์ออนไลน์ และแคมเปญล่าสุด “Say Kimchi Cheese” ได้มีการพัฒนา Filter สำหรับถ่ายรูปหน้ายิ้มแบบความสุขยืดได้ พร้อมทั้งทำกิจกรรม “แชะ แชร์” ให้ลูกค้าถ่ายรูปที่ร้านพร้อม Filter แล้วโพสต์ลง Social Network เพื่อแชร์ประสบการณ์ความสุขที่ร้านในสังคมออนไลน์” นายนพดลเสริม

ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ปตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำด้านธุรกิจอาหารที่เติบโตทั้งในระดับประเทศและในภูมิภาค CLMV และมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารอย่างต่อเนื่อง การยกระดับการบริการควบคู่ไปกับการพัฒนาการบริหารจัดการร้านอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยความสุขให้กับลูกค้าทุกคนพร้อมทั้งตั้งเป้าในการขยายธุรกิจรวมกับแฟรนไชส์กว่า 20 สาขาภายในปี 2567 เพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ซูกิชิได้เปิดขายแฟรนไชส์  คอนเซ็ปต์ ‘Sukishi สุข Overload’ ปิ้งย่างเกาหลีทานได้ไม่อั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่สนใจร่วมธุรกิจกับซูกิชิมาเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปพร้อมกับเรา โดยมีสาขาแฟรนไชน์แรกที่เซ็นทรัล อยุธยาได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าชาวอยุธยาเป็นอย่างดี ทั้งจากเมนูปิ้งย่างเกาหลีที่มีวัตถุดิบพรีเมี่ยมหลากหลาย และการวางแผนการสื่อสารการตลาดในจังหวัดอยุธยา ทั้งสื่อภายในจังหวัด (Out-of-home Media) ประกอบด้วยรถสามล้อกบ รถแห่ และป้ายกองโจรตามสถานที่ต่างๆในจังหวัด และสื่อภายในห้าง (In-store Media) รวมทั้งสื่อออนไลน์ทั้งเพจรีวิวในจังหวัดอยุธยา และการยิงโฆษณาออนไลน์ในจังหวัด (Location Targeting Advertising)”

ซึ่งในขณะนี้ ทางบริษัทฯ มีความพร้อมในแต่ละด้านในการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบสำหรับนักลงทุนที่สนใจ ประกอบไปด้วย โมเดลสาขาต้นแบบ สถานที่ฝึกอบรม วิทยากรมากประสบการณ์ผู้ให้การฝึกอบรมและสอนงาน และมีครัวกลางในการควบคุมคุณภาพวัตถุดิบที่ทางซูกิชิให้ความสำคัญเป็นอย่างมากโดยได้ยกระดับและเพิ่มการลงทุนให้ครัวกลางของเราให้ได้มาตรฐานระดับสากล การันตีโดย ISO22000:2018 ได้รับการรับรองมาตรฐาน HACCP และ GHP ซึ่งแสดงถึงความคุณภาพและความตั้งใจของซูกิชิในการดำเนินธุรกิจฯ

จุดเด่นและการสนับสนุนแฟรนไชส์ของซูกิชิ ประกอบไปด้วย

  • Training Program: มีการอบรมคุณภาพงานเพื่อให้ได้มาตรฐานของซูกิชิ พร้อมการอบรมก่อน 30 วันก่อนเปิดร้าน พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์และทักษะทางธุรกิจจำเป็นให้แก่นักลงทุน ซึ่งประกอบไปด้วย ทักษะในการให้บริการอย่างมืออาชีพ ทักษะในการปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ ของร้านอาหาร ทักษะด้านการขายและสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ฯลฯ เพื่อให้ผู้ร่วมลงทุนและผู้บริโภคมั่นใจในมาตรฐานและการให้บริการในระดับเดียวกัน
  • Marketing Support: มีโปรโมชั่นสนับสนุนและกระตุ้นยอดขายตลอดทั้งปี ทั้งโปรโมชั่นหลักจากซูกิชิ โปรโมชั่นร่วมกับพาร์ทเนอร์ธุรกิจ โปรโมชั่นเฉพาะสาขา รวมไปถึง การสนับสนุนการเข้าถึงรีวิวของสื่อออนไลน์ สื่อสนับสนุนหน้าร้าน ฯลฯ เพื่อช่วยกระตุ้นและสร้างยอดขายรวมถึงการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
  • Safety System: ด้วยประสบการณ์กว่า 22 ปีของซูกิชิ ในการวางระบบการก่อสร้างร้านอาหารที่มีความปลอดภัยและเสริมสร้างคุณภาพในการดำเนินงาน อีกทั้งยังให้ความสำคัญในการควบคุมความปลอดภัยในทุกขั้นตอน จึงมั่นใจได้เลยว่าลูกค้าแฟรนไชส์จะสามารถปฏิบัติงานได้ผ่านร้านที่มีคุณภาพและสะดวกต่อการให้บริการลูกค้า