BUZZEBEES (บัซซี่บีส์) Tech Company สัญชาติไทย เกิดขึ้นจากไอเดียที่ผุดขึ้นโดยคุณไมเคิล เชน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นสองผู้ร่วมก่อตั้ง BUZZEBEES ที่มองถึงเทรนด์ดิจิทัลว่าจะต้องมาแน่ ๆ เพราะตอนนั้น คือให้คิดย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านที่ผู้คนเริ่มนิยมใช้สมาร์ตโฟนกันมากขึ้น ยอดขายสมาร์ตโฟนโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเป็นยุคแรก ๆ ที่กระแสของ Facebook เริ่มเข้ามาประเทศไทย
คุณไมเคิล และคุณณัฐธิดา จึงตัดสินใจให้พนักงานที่มีอยู่ 4 คน (ที่บริษัทเก่า) แบ่งไปลงเรียนคอร์ส iOS จำนวน 2 คน และ Android อีก 2 คน เพื่อมา Brainstorm ร่วมกันว่าพวกเราจะทำธุรกิจ Startupในทิศทางไหนดี และในที่สุดก็เคาะกันได้ว่า BUZZEBEES เราจะดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM & Loyalty Platform) และบริการจัดหาของรางวัลและสิทธิพิเศษ (Rewards & Privileges Management) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “แพลตฟอร์มสะสมแต้ม แลกของรางวัล” ที่มุ่งมั่นจะเชื่อมต่อทั้ง 3 ส่วนเข้าด้วยกัน ได้แก่ 1.แบรนด์องค์กร 2.ร้านค้าผู้ประกอบการ และ 3.ผู้ใช้งาน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เกิดประโยชน์ร่วมกันจากธุรกิจแพลตฟอร์มของเรา และเป็นจุดเริ่มต้นของ BUZZEBEES เมื่อปี 2012
สองหัวเรือใหญ่ยอมรับว่า กว่า BUZZEBEES จะก้าวมาถึงปีที่ 10 นั้นไม่ง่ายเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มี Success Case และไม่มี Roadmap แห่งความสำเร็จเป็น Guideline ให้ศึกษา ทุกคนต้องริเริ่มคิดสิ่งใหม่ ๆ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเอง ทั้งลองผิดลองถูก ปรับเปลี่ยน พัฒนาไปจนกว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันธุรกิจแพลตฟอร์มสะสมแต้มจัดหาของรางวัลบนมือถือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็ยังเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย
แต่ในที่สุดโอกาสของ BUZZEBEES ก็มาถึง ตอนนั้นปี 2013 ซึ่งเป็นเฮือกสุดท้ายหลังจากที่รู้ว่างานนี้พลาดไม่ได้ เพราะถ้าพลาดคือ จะไม่มีชื่อของ ‘BUZZEBEES’ ในวันนี้แน่ๆ เพราะไม่มีเงินพอที่จะจ้างพนักงานต่อไปแล้ว จึงได้นัดขอเข้าไปพรีเซนต์ เสนอตัวทำแอปพลิเคชัน Loyalty Program ให้กับสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และ AIS แบรนด์ระดับประเทศ ซึ่งเป็นจังหวะที่ทั้งสองแบรนด์กำลังมุ่งสร้างความพิเศษให้กับลูกค้าพอดี ในวันพรีเซนต์ BUZZEBEES ได้ออกแบบแอปพลิเคชันสำหรับทั้งสองแบรนด์แบบ Tailor-made เรียบร้อยแล้ว โดยมีฟีเจอร์ที่พร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ใช่แค่การขายคอนเซ็ปต์ และเป็นข่าวดีที่ BUZZEBEES ได้รับความไว้วางใจจากทั้งสองแบรนด์ ซึ่งเวลานั้นแอปที่พัฒนาใช้ชื่อว่า SAMSUNG Galaxy Gift และแอปพลิเคชัน AIS Privilege นับเป็นการพลิกโฉมวงการ Marketing ด้วยการทำการตลาดแบบใหม่ผ่านสิทธิพิเศษและของรางวัล และในปีนั้นเอง BUZZEBEES ก็เริ่มมีผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 1 ล้านยูสเซอร์แรก ซึ่งเสมือนการชุบชีวิตและต่อลมหายใจให้ BUZZEBEES ขึ้นมาอีกครั้ง
ต่อมาปี 2014 BUZZEBEES ได้เร่งขยายทั้งทีมงานและพาร์ตเนอร์เพื่อเดินหน้าจัดหาดีลและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับลูกค้าเพื่อให้มีความหลากหลายและครบวงจรมากที่สุด พร้อมกับขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับโอกาสครั้งใหญ่อีกครั้งในการดูแลส่วนสิทธิพิเศษและของรางวัลให้กับ PTT Blue Card ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งในปีนี้ BUZZEBEES เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงนักการตลาดมากยิ่งขึ้น โดยจบปีด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีผู้ใช้งานทุกแพลตฟอร์มรวมกว่า 3 ล้านยูสเซอร์
และปี 2015 ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนของ BUZZEBEES เนื่องจากมีการระดมทุน Series A โดย Ascend Group และ Hyweb Technology และเริ่มบุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ประเทศลาว โดยได้พัฒนาออกแบบ Loyalty Platform ให้กับผลิตภัณฑ์เบียร์ลาว สำหรับตลาดในประเทศไทยนั้น ช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงที่เริ่มเปลี่ยนผ่านหรือเริ่มเข้าสู่ยุคทรานส์ฟอร์ม ทำให้มีองค์กรเริ่มติดต่อมายัง BUZZEBEES มากขึ้นและกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งปีนี้เอง ก็เริ่มมี Consumer Brand เข้ามาบ้าง ซึ่ง Mead Johnson ถือเป็นแบรนด์แรกด้านในกลุ่มนี้ โดยเราได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Enfa A+ Genius Baby (หรือ Enfa A+) ให้กับแบรนด์ และปีนี้ BUZZEBEES ยังได้เปิดตัว Marketbuzzz (มาร์เก็ตบัซซ) ซึ่งเป็นอีกหน่วยธุรกิจที่ให้บริการสำรวจวิจัยทางการตลาดผ่านสมาร์ตโฟนที่มีฐานลูกค้าที่มากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งในปีนั้น BUZZEBEES ทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง มีผู้ใช้งานรวมมากถึง 13 ล้านยูสเซอร์
จากนั้น BUZZEBEES ได้เริ่มขยายตลาดในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งปี 2016 นับได้ว่าองค์กรใหญ่ ๆ ต่างก็ปรับตัวสู่ Digital Transformation อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจการเงิน ทั้งกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันได้กระโดดเข้ามาเล่นตลาด CRM & Loyalty Program เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าหลายแห่งมากๆ ซึ่ง BUZZEBEES เองก็ได้รับโอกาสดูแลลูกค้ากลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันในประเทศไทยเกือบครบทุกแห่ง รวมถึงปีนี้ BUZZEBEES ได้บุกตลาดต่างประเทศ ในมาเลเซียเพิ่มเติม และมียอดผู้ใช้งานบน BUZZEBEES ECOSYSTEM ทั้งหมดถึง 26 ล้านยูสเซอร์เลยทีเดียว
ต่อมาปี 2017 เทรนด์ของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน กระแสสังคมไร้เงินสดถูกหยิบยกพูดคุยกันมากขึ้น โดยก่อนหน้านั้น BUZZEBEES ได้เตรียมพร้อมในการวางระบบไอทีเพื่อเชื่อมกับระบบ e-Payment หลังบ้านและได้มีการเชื่อมต่อไว้เรียบร้อยแล้ว และในปีนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี ประจวบกับผู้บริโภคก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จึงได้เปิดตัวการให้บริการระบบ E-Payment ให้รับชำระเงินจาก e-Wallet ชั้นนำทั่วประเทศ ด้วย Solution ของ BUZZEBEES ครบจบในที่เดียว โดยเจาะกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นจำนวนมาก และทำให้มียอดผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านยูสเซอร์
ปี 2018 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ BUZZEBEES ในการเจาะตลาด FMCG เป็นครั้งแรก ด้วยการเปิดตัว Singha Rewards ซึ่งเป็น Loyalty Platform ของน้ำดื่มกลุ่มสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผ่าน LINE Official Account ด้วยการสแกนรหัสใต้ฝาน้ำดื่มเพื่อรับแต้ม แลกของรางวัล และร่วมสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ของทางแบรนด์ ซึ่งถือเป็น Case study ที่ฮือฮาในช่วงนั้น และนับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกชิ้นของ BUZZEBEES เพราะเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ในกลุ่ม FMCG สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่เป็น End-Customer ได้จริง ๆ และนำกลยุทธ์การใช้ข้อมูลมาพัฒนาธุรกิจ (Data-Driven) ทำให้สามารถขึ้นเป็นแบรนด์น้ำดื่มที่ครองใจผู้บริโภคเป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มมีแบรนด์สินค้าบริโภคอุปโภคติดต่อมายัง BUZZEBEES อีกหลายราย โดยปีนี้ BUZZEBEES ได้เงินลงทุน Series B โดย Singha Ventures และบุกตลาดต่างประเทศอีกแห่งที่อินโดนีเซีย จบปีด้วยยอดผู้ใช้งานกว่า 60 ล้านยูสเซอร์
ปี 2019 เป็นปีที่ BUZZEBEES เปิดตลาดใหม่ โดยขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยการเปิดตัว CRM PLUS และ B-POS ซึ่งเป็นระบบสะสมแต้มและระบบจัดการร้านค้าแบบสำเร็จรูป เป็นโมเดลธุรกิจ Software-as-a-Service (SaaS) สำหรับช่วยให้ร้านค้าปลีกและร้านอาหารไทยมีข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า และสามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้างแคมเปญและโปรโมชั่นได้ตรงกับแต่ละกลุ่มผ่านการใช้เครื่องมือทางดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้ไม่ยาก โดยปีนี้ BUZZEBEES เพิ่มยอดผู้ใช้งานได้สูงถึง 80 ล้านยูสเซอร์
ปี 2020 เป็นปีที่พลิกผันจากวิกฤติเป็นโอกาส จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้แบรนด์องค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้ใช้งาน จำเป็นต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงเพื่อความอยู่รอด บวกกับจังหวะ Work From Home ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลาด E-Commerce สวนทางเศรษฐกิจเติบโตอย่างเห็นได้ชัด จังหวะนี้เอง BUZZEBEES ได้ปรับเปลี่ยนแผนดำเนินธุรกิจเช่นกัน และกระโดดเข้ามาลุยตลาด E-commerce แบบครบวงจรเพราะเห็น Pain point จากพันธมิตร ทำให้เข้าใจถึงปัญหา จึงเป็นที่มาของการทำ End-to-end E-Commerce Solution รับบริหารแพลตฟอร์มทั้งแบบ Brand.com และบน Marketplace ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการสุดท้าย เริ่มตั้งแต่การสร้างร้านค้า จัดแคมเปญโปรโมชั่น ทำรูปภาพกราฟฟิก บริหารคลังสินค้า บริการแอดมินตอบแชท ไปจนถึงจัดส่งสินค้า ซึ่งปัจจุบัน BUZZEBEES ได้รับการตอบรับจากแบรนด์ขนาดใหญ่มากกว่า 100 แบรนด์ นอกจากนี้ยังบุกเบิกการทำ Deal / Voucher Marketplace ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่า BUZZEBEES ได้สิทธิ์เป็นผู้บริหารช่องทาง LINE GIFTSHOP ในช่วงเวลานั้นอีกด้วย ขณะเดียวกัน ปีนี้ก็ได้ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในฟิลิปปินส์ ทำให้ปีนี้ BUZZEBEES มียอดผู้ใช้งานทะลุ 100 ล้านยูสเซอร์
ด้วยวิกฤติของโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในปี 2021 ส่งผลให้การตลาดบนโลกดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ BUZZEBEES กลายเป็น CRM & Digital Engagement Platform ที่ครบวงจรอันดับ 1 ของไทย และสามารถทำรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท จากลูกค้ากว่า 300 องค์กรขนาดใหญ่ และร้านค้าปลีกกว่า 3,000 จุด ซึ่งกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม โทรคมนาคม พลังงาน ยานยนต์ การเงินการธนาคาร ประกันภัย ค้าปลีก และอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น และได้ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับ SABUY ซึ่งเป็นผู้นำตู้ Vending Machine ของไทย ภายใต้บริษัทใหม่ชื่อ Sabuy Exchange ให้บริการด้าน Loyalty Program รวมถึงได้บุกตลาดในประเทศเวียดนาม ทำให้มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านยูสเซอร์
โดยปัจจุบัน ปี 2022 BUZZEBEES ก้าวสู่ปีที่ 10 ครบรอบหนึ่งทศวรรษ และเตรียมก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เริ่มจากลงทุนใน ZORT เมื่อช่วงต้นปี 2022 ซึ่ง ZORT เป็นผู้ให้บริการระบบจัดการออเดอร์ครบวงจรแห่งแรกในไทย โดยได้เชื่อมต่อระบบ CRM สำหรับร้านค้าออนไลน์ และเตรียมพัฒนาต่อยอด Business Model เพื่อรองรับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี และ ISV Partner เพื่อมาใช้งานระบบของ BUZZEBEES ที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างครอบคลุม อีกทั้งยังเปิด Regional Office อย่างเป็นทางการที่ประเทศฟิลิปปินส์ ปัจจุบัน BUZZEBEES มีผู้ใช้งานรวมกว่า 130 ล้านยูสเซอร์ และมีฐานลูกค้าต่างประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย
นับจากนี้ อยากให้จับตามอง BUZZEBEES ที่ผันตัวจาก Tech Startupด้วยพนักงานเพียง 4 คน สู่บริษัทขนาดใหญ่กว่า 540 คน มีรายได้แตะหลัก 1,000 ล้านบาท ครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ด้าน CRM & Digital Engagement Platform ของประเทศไทย นั่นเป็นเพราะ ‘พนักงาน พันธมิตร และลูกค้า’ ทุกๆ คน ที่อยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่งหรือตลอดเส้นทางการเติบโตของ BUZZEBEES มาตลอด 10 ปี ทุกคนล้วนเป็นจิกซอว์สำคัญที่ทำให้ BUZZEBEES ก้าวมาถึงจุดนี้
เยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมของ BUZZEBEES ได้ที่ www.buzzebees.com หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการต่างๆ ได้ที่โทร. 02-645-1212