LINE ประเทศไทย เดินหน้าภารกิจยกเครื่องออฟฟิศใหม่ด้วยแนวคิด Work-life Revolution ให้เป็น LINER’s Connecting Space ผสานพื้นที่เชื่อมการทำงานและไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน ตั้งรับความท้าทายของความจำเป็นของออฟฟิศในโลกปัจจุบันหลังสำรวจพบดัชนีความสุขพนักงานที่ต้องการทำงานแบบไฮบริดต่อเนื่องแม้สถานการณ์โควิด-19 จะเป็นปกติ พร้อมตอกย้ำเป็น Learning Hub แหล่งการเรียนรู้ ดันคนพันธุ์เทคฯในเมืองไทย พร้อมปล่อยหนังเล่าไลฟ์สไตล์สนุกๆ ของชาว ‘LINER’
ปัจจุบันการทำงานของคนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบไฮบริดและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น จากผลสำรวจด้านสถานการณ์วิถีการทำงานปัจจุบันจากGartner พบว่า ผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล ถึง 94% ลงทุนอย่างมีนัยยะสำคัญในโครงการเพื่อความอยู่ดีมีสุขของพนักงาน, 85% สนับสนุนผลประโยชน์ด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น และ 50% สำหรับสุขภาพกาย ประกอบกับผลสำรวจจาก REDPAPER พบว่า พนักงานคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญเรื่องความสมดุลและคุณค่า ในการใช้ชีวิตการทำงาน ผ่าน 6 เทรนด์ด้านความต้องการด้านการทำงานได้แก่ การความก้าวหน้าในอาชีพ, การใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล (Work-life balance), การพัฒนาฝึกฝนทักษะใหม่ (Upskill & Reskill), ความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในที่ทำงาน และ การมีเวลาให้กับครอบครัว สอดคล้องกับทิศทางที่ LINE ประเทศไทยยกเครื่องออฟฟิศครั้งใหญ่ด้วยแนวคิด Work-life Revolution
นางสาวกานต์ กิมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล LINE ประเทศไทย “จากการสำรวจพนักงานของ LINE ประเทศไทย พบว่าพวกเขามีความสุขกับระบบการทำงานแบบไฮบริด (Work from Anywhere) และยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานการให้อำนาจตัดสินใจแก่พนักงานของบริษัทกว่า560คนในการบริหารจัดการไลฟ์สไตล์การทำงานในแบบของตัวเองเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการดูแลพนักงานในยุคนี้ ภารกิจของเราจึงเป็นการตีโจทย์สร้างความสำคัญที่ยังยึดโยง Culture and Connection ระหว่างพนักงานและองค์กรไว้ด้วยกันในวันที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเพื่อมาทำงาน เราจึงชูแนวคิด Work-life Revolution ปฏิวัติไลฟ์สไตล์การทำงาน เปลี่ยนออฟฟิศแบบเดิมๆ เป็น LINER’s Connecting Space พื้นที่เชื่อมต่อการทำงานเข้ากับไลฟ์สไตล์ของพนักงานเข้าด้วยกันแม้ว่าจะเข้าหรือไม่เข้าออฟฟิศก็ตาม ซึ่งสามารถตอบโจทย์สิ่งที่พนักงานยุคนี้ต้องการ”
นอกจากนี้ LINE ประเทศไทยยังมุ่งชูการเป็น Learning Hub ฮับแห่งการเรียนรู้และเติบโตของคนทำงานในวงการเทคโนโลยี ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทคคอมพานีในเมืองไทยในช่วง 5-7 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดบุคลากรในวงการเพิ่มขึ้นมากมายในหลากหลายตำแหน่งหน้าที่ LINE จึงเห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรให้เติบโตในสายงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยโปรแกรมพัฒนาบุคลากรตั้งแต่ Functional Skills, Interpersonal Skills และ Leadership Skills ทั้งแบบ Virtual และ On-site รวมถึงโปรแกรมพัฒนาภาษาอังกฤษและภาษาที่สามด้วยรูปแบบคลินิกภาษาแบบครบวงจร นอกจากนี้บริษัทฯ มีระบบเปิดรับพนักงานให้สามารถแจ้งขอเรียนคอร์สตามความสนใจได้โดยตรง เพราะการพัฒนาทักษะในสายอาชีพถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่คนทำงานรุ่นใหม่มองหาจากบริษัทในยุคนี้ไม่น้อยไปกว่าความเป็นอยู่และสวัสดิการ
สำหรับแนวคิด Work-life Revolution ของ LINE ประเทศไทย ประกอบไปด้วย 3 แกนหลัก
- Creating Center of Well-being หรือ พื้นที่แห่งสุขภาวการณ์ทำงานที่ดี ที่ให้ความสำคัญทั้งร่างกายและจิตใจ ด้วยนโยบาย Work from Anywhere ตัวอย่างเช่น
- นโยบาย “ไม่ประชุมบ่ายวันศุกร์” เพื่อให้พนักงานได้จัดการกับงานโดยไม่ต้องนำไปทำในวันหยุด
- Happy Friday ปาร์ตี้ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือน ชวนพนักงานมาร่วมสังสรรค์กระชับสัมพันธ์
- บริการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์ Dr. Anywhere
- กิจกรรม WOW SHARING คลาสเสริมทักษะ Soft Skill สำหรับใช้ชีวิตและการทำงานโดยผู้เชี่ยวชาญ และ กิจกรรม Happiness Workshop เวิร์คช็อปคลายเครียดหลังเลิกงาน เช่น คลาสทำอาหาร คลาสทำขนม คลาสต่อยมวย ฯลฯ
- Building Collaborative Learning Space รีโนเวทออฟฟิศครั้งใหญ่ เพิ่มพื้นที่ส่วนกลางให้เอื้อต่อการเรียนรู้และทำงานร่วมกันง่ายยิ่งขึ้น ผนวกพื้นที่ออกกำลังกายและสันทนาการเข้าด้วยกัน
- Promoting Diverse & Inclusive Workforce ผลักดันการทำงานร่วมกันกับคนหลากหลายวัยภายในทีม รวมถึงโครงการ LINE ROOKIE ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้ามาร่วมงานกับบริษัทขณะที่ยังศึกษาอยู่ในบรรยากาศจริง เป็นโครงการที่ช่วยทำให้นักศึกษาได้รู้จักตัวเอง ก่อนที่สนใจสมัครงานกับบริษัทเมื่อเรียนจบ โดยจะเปิดรับสมัครรุ่นใหม่ เร็วๆนี้
ซึ่งในภาพรวม LINE ประเทศไทย ได้เปลี่ยนออฟฟิศทำงานแบบเดิมๆ ให้กลายเป็นพื้นที่ของ “ไลฟ์สไตล์การทำงาน” ของพนักงานที่มีความต้องการแตกต่างกันในยุคนี้อย่างแท้จริง โดยบอกเล่าผ่านหนังโฆษณาชุดใหม่ Life at LINE สามารถติดตามชมได้ที่ https://youtu.be/HSV6jxtZbfc