ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ทำให้อัตราดอกเบี้ยล่าสุดของสหรัฐอเมริกาอยู่ในช่วง 3.75-4.0% นอกจากนี้ยังยืนยันว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ถ้าหากปัญหาเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นสูง แต่อาจไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยเป็นตัวเลขที่มากเท่ากับในช่วงที่ผ่านมา
Fed ได้กล่าวถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเร่งตัวขึ้น สะท้อนถึงของอุปสงค์และอุปทานที่ไม่สมดุล เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัญหาของการบุกยูเครนของรัสเซีย ส่งผลกระทบอย่างแรงต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐอเมริกา จึงมีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.75% เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานรวมถึงลดอัตราเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ที่ระดับ 2% ในระยะยาว ซึ่งเป็นเป้าหมายของ Fed
โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 40 ปี หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกดดันให้ Fed หลังจากที่ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อที่จะลดผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ FOMC จะยังประเมินข้อมูลเศรษฐกิจในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น ตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข นอจากนี้ยังจะมีการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย
ในบทวิเคราะห์ของ JPMorgan ได้วิเคราะห์ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และหลังจากนี้ Fed จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง 0.5% ในการประชุม FOMC ครั้งต่อไปในเดือนธันวาคม และขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% อีกครั้งในการประชุมเดือนมกราคมปี 2023
อย่างไรก็ดีในบทวิเคราะห์ของ JPMorgan ได้ชี้ว่าแม้จะคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง แต่ต้องจับตาดูตัวเลขตลาดแรงงานที่ยังไม่ลดความร้อนแรงลง ซึ่งอาจทำให้ Fed นั้นอาจไม่หยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนี้ได้
ที่มา – CBS News, บทวิเคราะห์จาก JPMorgan