จากการที่กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าได้ประกาศลงทุนครั้งสำคัญในการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกรุงเวียนนาเมื่อ 2 ปีก่อนล่าสุดได้จัดงานเลี้ยงฉลองประกาศชื่อห้างสรรพสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่นามว่า “ลามาร์” (LAMARR) โดยการเผยชื่อในครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบกว่า80 ปีที่ได้มีห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่แบรนด์ใหม่ถูกเปิดตัวขึ้นในยุโรป โดยได้แรงบันดาลใจจาก เฮดี้ ลามาร์ (Hedy Lamarr) นักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดในตำนานซึ่งเป็นไอคอนของชาวออสเตรียในยุคศตวรรษที่ 20 ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลกชื่อของห้างลามาร์จึงไม่เป็นเพียงแค่การรำลึกถึงเธอแต่ยังเสมือนการนำพาเฮดี้ ลามาร์ กลับสู่อ้อมกอดของชาวออสเตรีย
ห้างลามาร์ เมืองเวียนนา นับเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งที่ 5 ของกลุ่มคาเดเวซึ่งประกอบด้วย ห้างคาเดเว (KaDeWe) เมืองเบอร์ลิน, ห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpolliger) เมืองมิวนิก, ห้างอัลสเตอร์เฮาส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก,และ ห้างคาร์ชเฮาส์(Carsch-Haus) เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี โดยงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้ได้มีแขกผู้มีเกียรติผู้มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล, มรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวียนนา, โลดี้ไรซ์โลเดอร์(Lodi Rice Loder) หลานสาวของเฮดี้ ลามาร์, แดเนียลกรีเดอร์ (Daniel Grieder) ประธานกรรมการบริหาร ฮิวโก้บอส และ แอร์เมเนจิลโด เซนญ่า (Ermenegildo Zegna) เจ้าของแบรนด์เซนญ่า เป็นต้น โดยได้เชิญ โทนิ การ์น (Toni Garrn) นางแบบชื่อดังระดับโลก มาร่วมเป็นพิธีกร
ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “ผมมีความภาคภูมิใจที่ห้างลักชัวรี่แห่งใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัล ได้รับเกียรติให้ใช้ชื่อของ เฮดี้ ลามาร์ ผู้เป็นที่รักของทุกคนโดยเฉพาะชาวออสเตรีย ทั้งในฐานะไอคอนฮอลลีวูดที่โด่งดังระดับโลก และนักประดิษฐ์ผู้บุกเบิกซึ่งมีพรสวรรค์ไม่เหมือนใคร ความเพียบพร้อมโดดเด่นในหลากหลายแง่มุมของเฮดี้ลามาร์ สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงเอกลักษณ์ของโปรเจกต์เวียนนา ซึ่งนอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ชั้นนำระดับโลกแล้ว ยังจะสร้างความประทับใจเหนือระดับผ่านเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรม และการส่งมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบลักชัวรี่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับลูกค้า”
อังเดร เมเดอร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มคาเดเวกล่าวว่า “ห้างลามาร์ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่น่าภาคภูมิใจของเวียนนาและยังเป็นการต้อนรับเฮดี้ผู้เป็นไอคอนคนสำคัญในบ้านเกิดของเธอ เฮดี้ทั้งฉลาด สวย น่าหลงใหล และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้สร้างตำนานที่ทำให้พวกเราโดยเฉพาะชาวเวียนนารำลึกถึงจวบจนปัจจุบัน”
เฮดวิก คีส์เลอร์ (Hedwig Kiesler) เกิดในปี พ.ศ. 2457 ที่กรุงเวียนนาและต่อมาในปี พ.ศ. 2476 เธอได้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักแสดงจากบทบาทนำสมัยในภาพยนตร์เรื่อง Ecstasy ก่อนที่จะเดินทางข้ามทวีปไปยังฮอลลีวูด ในปี พ.ศ. 2480 เธอได้เปลี่ยนชื่อเป็นเฮดี้ ลามาร์ตามคำแนะนำของหลุยส์ บี. เมเยอร์ (Louis B. Mayer) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ และ ผู้ร่วมก่อตั้งเอ็มจีเอ็ม (MGM) เฮดี้เปิดตัวในฮอลลีวูดครั้งแรกกับภาพยนตร์เรื่อง Algiers ที่ทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งนี้ ชื่อของ เฮดี้ ลามาร์ ได้ถูกจารึกอยู่ที่ Hollywood Walk of Fame ในปี พ.ศ. 2503 หนึ่งในประโยคเด็ดของเฮดี้ซึ่งเป็นที่จดจำก็คือ “เงินมีไว้ใช้ คนส่วนใหญ่เอาแต่ประหยัดเงินเพื่อเก็บไว้ให้คนอื่น เราควรใช้เงินเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง”
นอกจากความงามอันสะดุดตาและทักษะด้านการแสดงแล้ว เฮดี้ยังมีความสามารถในฐานะนักประดิษฐ์อีกด้วย ในช่วงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้มีส่วนร่วมในการคิดค้นวิธีส่งคลื่นวิทยุนำวิถีที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับของฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่พัฒนามาเป็นไวไฟ และ บลูทูท ในเวลาต่อมา ทำให้ในปี พ.ศ. 2557 เฮดี้ ลามาร์ ได้รับการบรรจุชื่อใน National Inventors Hall of Fame นอกจากนั้น นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561 กรุงเวียนนาได้จัดให้มีรางวัลเฮดี้ ลามาร์ เพื่อมอบให้กับนักวิทยาศาสตร์สตรีที่มีผลงานโดดเด่นเพื่อรำลึกถึงอัจฉริยภาพของเธอ
ห้างลามาร์จะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตและผลงานของเฮดี้ โดยการออกแบบของโอ.เอ็ม.เอ (O.M.A.) บริษัทสถาปนิกชื่อดัง และการจัดสรรของดาเนียล สเปอร่า (Danielle Spera) อดีตผู้อำนวยการของ Jewish Museum ในกรุงเวียนนาโดยผู้มาเยือนจะได้สัมผัสบรรยากาศ และสามารถเข้าถึงชีวิตของเฮดี้ ใน Museum Café บนชั้น 5 ของห้างลามาร์ และพบภาพบนโปรเจคเตอร์ซึ่งเป็นภาพถ่ายหรือถ้อยคำของเธอตามจุดต่างๆ ภายในห้าง
โครงการมิกซ์ยูสแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 4.5 ไร่ บนถนน มาเรียฮิลเฟอร์ สตรัส (MariahilferStraße) เมื่อแล้วเสร็จจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยรวม 58,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้างลามาร์ ห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ โรงแรมทอมป์สัน เวียนนา พร้อมพื้นที่สวนลอยฟ้าสีเขียวกว่า 1,000 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นลานอเนกประสงค์เพื่อสาธารณะ โดยห้างลามาร์จะมี 8 ชั้น พื้นที่ 20,000 ตารางเมตรส่วนโรงแรมทอมป์สัน เวียนนามี150 ห้องมุ่งเน้นการบริการด้านอาหารเป็นพิเศษเพื่อเป็นจุดหมายใหม่ของเหล่านักชิมและนักเดินทาง โดยผู้มาเยือนสามารถนั่งรับประทานอาหารบนระเบียงทางเชื่อมระหว่างโรงแรมกับห้างลามาร์พร้อมชมบรรยากาศสวนลอยฟ้า ในส่วนของล็อบบี้สามารถเป็นจุดพบปะสังสรรค์ หรือนั่งทำงานแบบ co-working โดยรองรับได้ถึง170 ที่นั่ง โรงแรมทอมป์สัน เวียนนา ได้ถูกออกแบบให้มีความร่วมสมัยและผสมผสานเอกลักษณ์ของเมืองเวียนนาไว้อย่างลงตัว
ห้างลามาร์ได้รวบรวมพันธมิตรลักชัวรี่แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton), กุชชี่ (Gucci), พราด้า (Prada), โบเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta) และแบรนด์ชั้นนำของออสเตรีย พร้อมสินค้าเครื่องประดับ สินค้าตกแต่งบ้าน อาหาร บริการด้านสุขภาพและสปา รวมทั้ง พื้นที่จัดกิจกรรม พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ มาไว้ในโครงการทั้งนี้ ห้างลามาร์และโรงแรมทอมป์สันคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567