กลุ่มทรู เผยผลประกอบการไตรมาส 3 สะท้อนทิศทางเติบโตในอนาคต หลังรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้ประโยชน์ดิจิทัลทั้งAnalytics ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า และดิจิทัลทรานสฟอร์มเพิ่มประสิทธิภาพทำให้ EBITDA และ margin เพิ่มขึ้น

กลุ่มทรู รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 รายได้รวมจากการให้บริการและการขายสินค้าเติบโตร้อยละ 6.9 จากปีก่อน และร้อยละ 2.8 จากไตรมาสก่อนเป็น 31,436 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งกดดันทั้งภาคธุรกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงต้นทุนด้านพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มทรูยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และอัตรา EBITDA margin ต่อรายได้จากการให้บริการ ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนเป็น 14,368 ล้านบาทและร้อยละ 55 ตามลำดับ

การมุ่งเน้นขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล 5G และบรอดแบนด์ซึ่งครอบคลุมสูงสุดทั่วประเทศ ควบคู่ไปกับการสรรหาสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าและคอนเทนต์ที่เหนือกว่าได้อย่างครบทุกมิติและทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงการนำความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เป็นประโยชน์ทำให้ฐานลูกค้าของกลุ่มทรูเติบโตสูงทั้งผู้ใช้งาน 5G บรอดแบนด์และกล่องทรูไอดีทีวีที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 4.5 ล้านราย 4.9 ล้านราย และ 3.5 ล้านกล่อง ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรูไอดีที่มีผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็น 36 ล้านราย อีกทั้งยังได้รับการยอมรับในระดับสากล เป็นหนึ่งในห้าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยและขึ้นเป็นแพลตฟอร์มไทยอันดับที่ 1 จากรายงานจัดอันดับแพลตฟอร์มดิจิทัลในปี 2565 ของนีลเส็น โชว์ศักยภาพที่แข็งแกร่งในการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์พร้อมสร้างการเติบโตในระดับภูมิภาคและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาคต่อไป

นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ในไตรมาส 3 ปี 2565 ผู้บริโภคโดยรวมยังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้าจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพและต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม กลุ่มทรูยังสามารถปรับตัวและเติบโตได้ ทั้งนี้ก็ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและการแสวงหาแนวทางการให้บริการที่มีคุณภาพสูงขึ้น โดยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มด้วยการให้บริการผ่านข้อเสนอแบบเฉพาะเจาะจงหรือ personalization ที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่ง ปรากฎว่ามีผลตอบรับที่ดีต่อเนื่องอีกทั้งการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล อย่าง AI Analytics ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอแคมเปญที่ตอบโจทย์ตรงใจไลฟ์สไตล์ลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ชัดเจนและดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆจากการขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงบ้านลูกค้าด้วยการผสานกับบริการด้านดิจิทัลมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ทั้งแคมเปญ True Unlock TV พร้อมคอนเทนต์คุณภาพอีกมากมายบนกล่องทรูไอดีทีวีรวมถึงอุปกรณ์ไอโอทีและโซลูชันผ่าน CCTV cloud เปลี่ยนบ้านให้เป็นบ้านอัจฉริยะ และต่อจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายระบบนิเวศและพัฒนาโซลูชันสำหรับลูกค้าทั้งในกลุ่มผู้บริโภค (B2C) และภาคธุรกิจ (B2B) เพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโตและเร่งให้เกิดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในอีกหลากหลายอุตสาหกรรมซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของทรูในอนาคต”

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงินบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “กลุ่มทรูยังคงเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลงในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทำให้ EBITDA และ margin เติบโตได้ขณะที่ค่าเสื่อมราคาจากการขยายโครงข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศต้นทุนทางการเงิน รวมถึงขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน กดดันผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาอย่างไรก็ตามภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีสัญญาณบวกของปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นและกิจกรรมต่างๆ ในประเทศที่เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนที่ส่งผลต่อทิศทางการเติบโตและการสร้างรายได้ในไตรมาสถัดๆ ไป และเรายังจะเดินหน้าปรับโครงสร้างต้นทุนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการลดต้นทุนในขณะเดียวกันพร้อมก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป”

ทรูมูฟ เอช เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมในไตรมาส 3 ปี 2565 ด้วยรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 20,009 ล้านบาท แม้ ARPU ยังคงลดลงตามอุตสาหกรรมซึ่งมีการแข่งขันที่สูง อย่างไรก็ตามฐานผู้ใช้บริการ 5G ของทรูมูฟ เอช เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งเป็นกว่า 4.5 ล้านราย ส่งผลให้ฐานผู้ใช้บริการรวมเพิ่มขึ้นเป็น 33.6 ล้านราย หนุนโดยผลตอบรับที่ดีต่อแคมเปญการขายโทรศัพท์มือถือ 5G ทั้งในระดับราคาสูงและราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้นนอกจากนี้ ทรูมูฟ เอช ยังได้ขยายระบบนิเวศเจาะกลุ่มลูกค้าผู้รักการเล่นอีสปอร์ต (eSport) และเกม ด้วยแพ็กเกจอีสปอร์ตสำหรับการใช้งานดาต้าเพื่อเล่นเกมแบบไม่จำกัด อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับ Zepeto ผู้นำด้านแพลตฟอร์มเมตาเวิร์ส (Metaverse) บนสื่อสังคมออนไลน์จากประเทศเกาหลี เพื่อให้ชาวไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์ในโลกเมตาเวิร์สระดับโลก เชื่อมต่อโลกออนไลน์และออฟไลน์พร้อมผสานไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในด้านต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทรูมูฟ เอช ที่จะยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างการเติบโตได้ในขณะเดียวกัน

ทรูออนไลน์ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีฐานผู้ใช้บริการบรอดแบนด์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 4.9 ล้านราย หนุนรายได้บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเป็น 7,276 ล้านบาท ถึงแม้ว่า ARPU จะลดลงซึ่งไปในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรม แต่เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ทรูออนไลน์มุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพการให้บริการและประสบการณ์ของลูกค้า พร้อมเพิ่มมูลค่าของข้อเสนอด้วยคอนเทนต์คุณภาพ แพ็กเกจ True Unlock TV ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในตลาดเป็นอย่างดีทั้งจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าใหม่ ด้วยการผสานสิทธิพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับเพิ่มเติม พร้อมความบันเทิงคุณภาพหลากหลายทั้งคอนเทนต์ด้านกีฬา ภาพยนตร์ ซีรีส์ แอนิเมชัน และสารคดีต่างๆ ซึ่งตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้อย่างตรงใจสิ่งเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการนำเสนอบริการบรอดแบนด์ที่พ่วงขายอุปกรณ์ไอโอทีและอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆเช่น กล้องวงจรปิด CCTV ที่ให้บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ นวัตกรรมเราเตอร์และอุปกรณ์กระจายสัญญาณ ช่วยสร้างความแตกต่างและตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดบรอดแบนด์ของทรูออนไลน์ได้อย่างต่อเนื่อง

ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 2,028 ล้านบาท โดยมี ARPU เพิ่มขึ้นเป็น 276 บาทในไตรมาส 3 ปี 2565 ท่ามกลางแนวโน้มการรับชมคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและ OTT ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ฐานลูกค้ารวมค่อนข้างทรงตัวที่ 3.3 ล้านรายทั้งนี้ การแข่งขันพรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาลใหม่กระตุ้นการสมัครสมาชิกผ่านแคมเปญ EPL SEASON PASS ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ส่งผลให้กลุ่มโรงแรมและร้านอาหารกลับมาสมัครเป็นสมาชิกเพื่อให้บริการลูกค้าที่ต้องการรับชมการแข่งขันในฤดูกาลใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าสามารถรับชมทุกความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการผ่านแพ็กเกจจากทรูไอดีและทรูวิชั่นส์นาวซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ทรูวิชั่นส์จะมุ่งสร้างการเติบโตและประสบการณ์การรับชมของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น ด้วยคอนเทนต์คุณภาพสูงซึ่งสามารถรับชมได้ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายของกลุ่มทรู รวมถึงนวัตกรรมกล่องไฮบริดด้วยฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป มุ่งเน้นการขยายธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มและบริการด้านดิจิทัล โดยในไตรมาส 3 ปี 2565 ทรูไอดีสามารถสร้างรายได้ที่เติบโตในอัตราเลขสองหลักได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนที่เติบโตแข็งแกร่งเป็น 36 ล้านรายหรือเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 4 ล้านรายในไตรมาส 3 มียอดรับชมคอนเทนต์วีดิโอต่อเดือนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 445 ล้านครั้ง และจำนวนการซื้อคอนเทนต์ด้านความบันเทิงที่ 969,000 ครั้งหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 87 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 ในขณะที่ลูกค้ากล่องทรูไอดี ทีวี เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.5 ล้านกล่อง หรือเติบโตร้อยละ 30 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สำหรับธุรกิจดิจิทัลโซลูชันมีรายได้โดยรวมเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ85เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2564 จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ (Smart Living) การเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connectivity) และกล้องอัจฉริยะ (Smart CCTV Camera) นอกจากนี้ ยังขยายระบบนิเวศและยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยในยุคดิจิทัลด้วยการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพไทย “Seekster” และเปิดตัวโฮม เซอร์วิส (Home Services) บนแอปพลิเคชัน ทรู ลีฟวิ่ง เทค เพื่ออำนวยความสะดวกโดยทีมงานผู้ชำนาญการและสร้างความปลอดภัยในการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันธุรกิจดิจิทัล เฮลท์ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรได้อย่างต่อเนื่องทั้งโรงพยาบาลสำนักงานหลักประกันสุขภาพและบริษัทเอกชนในกลุ่มธุรกิจพลังงาน อีกทั้งยังได้รับรางวัล “Telemedicine Platform Initiative of the Year” บนเวทีระดับโลกในงาน “Healthcare Asia Medtech Awards 2022” ที่ประเทศสิงคโปร์

หมายเหตุ: รายได้หมายถึงรวมรายได้จากการขายและการให้บริการ