“วีโร่” พีอาร์ เอเจนซี่ ร่วมลงนามปฏิญญา Clean Creatives ปฏิเสธให้คำปรึกษาบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิล

Photo : Shutterstock
ในทุกๆ วันนี้มนุษยชาติต่างทราบกันดีว่าพวกเราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิอากาศ (Climate system) โดยเกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น จากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การตัดไม้ทำลายป่า และการทำปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรม ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่เร่งให้เกิดภาวะโลกร้อนและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เป็นอันตรายในที่สุด 

ด้วยสาเหตุนี้ จึงเกิดการระดมตัวและการร่วมมือกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมธุรกิจโฆษณาและการประชาสัมพันธ์โดยมีชื่อเรียกว่า กลุ่มปฏิญญา Clean Creatives เพื่อลงนามสัญญาร่วมกันในการปฏิเสธการเซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัทในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล

มร.ไบรอัน กริฟฟิน ซีอีโอจากหนึ่งในเอเจนซีที่เข้าร่วมปฏิญญาอย่าง วีโร่ พับลิค รีเลชันส์ ได้เผยถึงเหตุผลการเข้าร่วมปฏิญญาฉบับนี้ โดยตระหนักเป็นอย่างดีว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด และหนึ่งในหนทางช่วยแก้ไขนั้นจำเป็นต้องหยุดยั้งการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ไบรอัน กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราพบว่าที่กลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก หรือ Big Oil กล่าวมานั้น ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาลงมือทำในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศอย่างเห็นได้ชัด โดยองค์กร Influence Map ซึ่งดำเนินการศึกษากลุ่มบริษัทน้ำมันรายใหญ่เหล่านี้พบว่า แม้ 60% ของเนื้อหาการประชาสัมพันธ์กลุ่ม Big Oil จะเน้นสื่อสารเรื่องความยั่งยืน แต่พวกเขากลับลงทุนในด้านพลังงานคาร์บอนต่ำเพียง 12% เท่านั้น จากความไม่สอดคล้องที่ว่านี้ จึงเชื่อได้ว่ากลุ่ม Big Oil ตั้งใจใช้การประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้านการส่งเสริมความยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ยังคงล็อบบี้รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายประเทศต่าง ๆ ให้สำรวจและสกัดเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ในอนาคต แม้จะรู้ว่าการกระทำดังกล่าวจะสร้างความเสี่ยงและความเสียหายต่อสภาพภูมิอากาศเป็นอย่างมากก็ตาม”

“การลงนามปฏิญญานี้ คือการแสดงออกและกระตุ้นให้เหล่าคนทำงานที่คร่ำหวอดในวงการครีเอทีฟและการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เห็นว่า เราให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องสภาพภูมิอากาศมากกว่ารายได้จากลูกค้า โดยก่อนที่จะลงนามในปฏิญญา Clean Creatives วีโร่เคยร่วมงานกับบริษัทพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่หลังจากที่ลงนามแล้วนั้น เราได้ปฏิเสธโอกาสที่จะทำแคมเปญประชาสัมพันธ์ให้กับลูกค้าไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีผลกระทบด้านรายได้อยู่บ้าง แต่นับเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ผลกระทบประการที่สองคือ ด้านวัฒนธรรมองค์กร การที่วีโร่ปฏิเสธโอกาสในการทำงานกับ Big Oil ทั้งหมดในอนาคต เท่ากับเราได้แสดงจุดยืนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของวีโร่ และยังเป็นส่วนสำคัญในวัฒนธรรมขององค์กร การลงนามในปฏิญญา Clean Creatives จึงเปรียบเสมือนก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรก และวีโร่ตระหนักได้ดีว่า ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อก้าวสู่การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน โดยในปี 2566 เรายังเตรียมเดินหน้าจัดทำแผนต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้วีโร่มีส่วนช่วยในการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น”

วีโร่เป็นเอเจนซีเจ้าแรกในเอเชียแปซิฟิกที่ลงนามในปฏิญญา Clean Creatives ซึ่งนอกจากวีโร่แล้ว ยังมีลูกค้าของวีโร่อย่างน้อยหนึ่งรายที่ได้ลงนามในปฏิญญาฉบับนี้เช่นกัน รวมไปถึงมีพนักงานวีโร่หลายคนที่ร่วมลงนามและให้คำมั่นเป็นรายบุคคลอีกด้วย ในส่วนของบริษัทที่ไม่ได้เข้าร่วมนั้น ในประเด็นนี้มีส่วนคล้ายกับเรื่องการทำงานประชาสัมพันธ์ให้แบรนด์บุหรี่ในบางด้าน ที่เอเจนซีขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลกได้ตัดสินใจว่า จะไม่ทำงานให้บริษัทที่เป็นผู้ผลิตบุหรี่อีกต่อไป จึงเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็นสถานการณ์แบบเดียวกันนี้กับกลุ่ม Big Oil เช่นกัน

“เท่าที่ทราบมานั้น ผู้ที่ทำงานในเอเจนซี่โฆษณาและประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่ก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ และได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับโลกของเราอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะน้ำท่วม ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงคลื่นความร้อน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากว่า คนที่มีความสามารถหรือคนเก่ง ๆ จะอยากทำงานให้กับบริษัท Big Oil ในทุกวันนี้ต่อไปอย่างไร และผมคิดว่า เอเจนซี่ใด ๆ ก็ตามที่ทำ ‘แคมเปญส่งเสริมความยั่งยืน’ ให้กลุ่มบริษัท Big Oil จะถูกกดดันจากคนที่มองเห็นเป้าหมายที่แท้จริงของแบรนด์เหล่านี้

นอกจากนี้ เส้นทางไปสู่ความยั่งยืนของวีโร่นั้นยังไปได้อีกยาวไกล ผมเชื่อว่าคงไม่ต่างจากอีกหลายบริษัท การลงนามครั้งนี้เป็นอีกก้าวสู่การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรทำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อพนักงาน ลูกค้า และธุรกิจของเราในท้ายที่สุด” ไบรอันเสริม

การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของกลุ่ม Clean Creatives ยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน ซึ่งการประกาศลงนามของภูมิภาคนี้เมื่อเดือนที่แล้วถือเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น โดยปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการประชาสัมพันธ์ โฆษณา และครีเอทีฟ อีกมากมายที่ยังไม่ได้รับทราบถึงปฏิญญานี้