โคเซ่ “KOSE” แบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น จัดกิจกรรมเพื่อการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง กับโครงการ Save the blue Project (เซฟ เดอะ บลู โปรเจค) ถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมนี้ ครบรอบ 1 ทศวรรษ (12 ปี) สำหรับโครงการนี้ โดย คุณ เคอิจิโร่ คะวะฮะระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย ทีมผู้บริหาร และพนักงาน ของทางบริษัท โคเซ่ ประเทศไทย ได้เข้าร่วมเยี่ยมชมนิทรรศการตามโซนต่างๆของ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกเกาะมันใน จังหวัดระยอง และ บ่ออนุบาลเต่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการปล่อยเต่ากลับคืนสู่ทะเลใต้ท้องทะเลไทยในกิจกรรม Save the blue Project (เซฟ เดอะ บลู โปรเจค) ครั้งนี้
นอกจากนี้ทางบริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้มอบอุปกรณ์สำหรับใช้ในการดูแลเต่าทะเล, สัตว์ทะเลหายาก และเพาะพันธ์เพิ่มจำนวนปะการังให้กลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ตามระบบนิเวศน์ รวมเป็นมูลค่า120,000 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นบาทถ้วน) ให้กับศูนย์วิจัยฯ ณ บริเวณ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกเกาะมันใน จังหวัดระยอง เพื่อสำหรับใช้เป็นประโยชน์สูงสุดในการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก เช่นเต่าทะเล และติดตามผลของปะการังในระบบนิเวศน์ใต้ท้องทะเลไทย และพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทย
คุณ เคอิจิโร่ คะวะฮะระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโครงการ“Save the Blue Project นี้ทางบริษัทฯ จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นกิจกรรมที่ทางบริษัทฯ มีความมุ่งเน้นในเรื่องรณรงค์ ส่งเสริม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่อให้การดูแลและฟื้นฟูธรรมชาติทางทะเลเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธรรมชาติทางท้องทะเลสมบูรณ์ต่อไปอีกนาน และทางบริษัทฯ จะดำรงส่งเสริมกิจกรรมนี้ต่อไปเพราะเราตะหนักถึงความสำคัญของระบบนิเวศน์ทางท้องทะเลเป็นสิ่งหนึ่งของระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติ นอกจากนี้ ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านๆที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ โคเซ่ “KOSE” มาอย่างต่อเนื่องเช่นกันนะครับ และลูกค้าทุกท่านๆยังมีส่วนสนับสนุนในกิจกรรมนี้อีกด้วย”
นายสุเทพ เจือละออง นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก กล่าวว่า “ ทางศูนย์วิจัยฯ ต้องขอขอบคุณทาง บริษัท โคเซ่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จัดโครงการ “Save the Blue Project ซึ่งได้จัดกิจกรรมนี้กับทางศูนย์ฯ มายาวนานถึง 12 ปี ทำให้ทางศูนย์ได้พัฒนา และ ติดตามผลการพัฒนาโครงการนี้ได้อย่างต่อเนื่อง และได้ร่วมกันพัฒนาระบบวิเศน์ทางท้องทะเลให้เป็นไปได้ด้วยดี เพื่อให้ท้องทะเลไทยได้มีธรรมชาติทางทะเลได้อย่างสมบูรณ์ต่อไปอีกนาน”