ภาคธุรกิจต่างตื่นตัวกับปัญหาของโลกที่ต้องร่วมกันเผชิญจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสุขภาพของผู้คน และปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่มาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศไทยที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาที่ทุกส่วนต้องร่วมมือในการหาทางแก้ไข โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์เรื่องความ “ยั่งยืน” (Sustainability) โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ซึ่งนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบได้นำปัญหาและมองถึงวิธีแก้ปัญหามาต่อยอดธุรกิจด้วยการผลักดันโมเดล นวัตกรรมบ้านพลังงานเป็นศูนย์ หรือ ZEH (Zero Energy Housing) บ้านที่ตอบโจทย์และลดข้อจำกัดของลูกค้าในเรื่องของค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อรายได้ และความเป็นอยู่โดยเฉพาะผู้ใช้ไฟบ้านท่ามกลางค่าครองชีพที่เป็นขาขึ้น และขับเคลื่อนเป้าหมายของไทยในการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ.2050 และ Net Zero Emission ปี ค.ศ.2065
“โมเดล ZEH นั้น คือ การใช้ไฟในชีวิตประจำวันในรอบ 1 ปีเข้าใกล้ศูนย์หรือน้อยกว่าศูนย์ หรือพูดง่ายๆ ว่าใช้ไฟทั้งปีโดยไม่ต้องจ่ายค่าไฟเลย นี่คือหลักคิดสำคัญซึ่งนับเป็นโจทย์ที่ยากเพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย Net Zero Housing แต่ความตั้งใจของเราคือต้องเริ่มทำกันตั้งแต่วันนี้แม้ว่าตัวช่วยอื่นๆ อาจจะยังไม่มีก็ตาม เพราะเราเห็นถึงความเป็นไปได้ และเราต้องทำให้มันเป็นวิทยาศาสตร์มากที่สุด” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
สำหรับโมเดล ZEH เป็นนวัตกรรมของประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ซึ่งเป็นพันธมิตรกันมายาวนานนับ 7 ปี มีส่วนสำคัญในการตอบโจทย์เป้าหมายในอนาคตของเสนาฯ ที่มุ่งดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนขององค์กรและโลกที่ยังคงสภาพเดิม ดังนั้นหลักคิด ZEH ที่นำมาปรับใช้จะต้องมีการออกแบบบ้านให้ระบายความร้อนได้ดี ใช้ไฟฟ้าอย่างอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น ระบบสมาร์ทโฮม หรือระบบเซ็นเซอร์มาใช้ รวมไปถึงการผลิตไฟฟ้าจะต้องมาจากพลังงานสะอาดทั้งหมดของหลักคิดเมื่อบวกรวมเข้าด้วยกันแล้ว เท่ากับว่าเจ้าของบ้านไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเลย ทั้งนี้ยังต้องขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละบ้านเป็นอย่างไร
การพัฒนาที่อยู่อาศัยด้วย ZEH จึงแบ่งออกเป็น 4 เกณฑ์ ตามตัวเลขการลดใช้พลังงาน บวกรวมกับการใช้พลังงานสะอาดคือ 1. ZEH Oriented มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 20% 2. ZEH Ready มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 50% 3. Nearly ZEH มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 75% และ 4. ZEH มีเป้าหมายลดการใช้พลังงานได้ไม่ต่ำกว่า 100% ซึ่งจะเห็นว่าการลดใช้พลังงานเป็นแบบขั้นบันได จึงสะท้อนว่าการดำเนินการไม่ได้การันตีในครั้งแรกจะลดเป็นศูนย์ได้ทันที ยังคงต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับจำนวนของการพัฒนาด้วย
อย่างไรก็ตามโจทย์สุดหินของที่อยู่อาศัยแบบ ZEH นั่นคือ “ต้นทุนเพิ่มขึ้น” ราว 30-50% เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านราคาปกติ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า ราคาที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกด้วย จึงต้องมีตัวช่วยอื่นๆ อย่างเช่นการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมไปจนถึงการสนับสนุนจากอย่างสถาบันการเงิน เพราะทุกภาคธุรกิจในขณะนี้ต่างพร้อมใจมุ่งไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงยังได้ประโยชน์จากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย โดยสถาบันการเงินควรพิจารณาปล่อยกู้เงินบนเงื่อนไขที่ว่า สินค้าต่างๆ ต้องรักษ์โลกด้วย และให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อให้ผู้ซื้อมีงบประมาณในการซื้อที่ต่ำลง
อย่างไรก็ตามเสนาฯ ยังคงเป็นผู้พัฒนาบ้านและคอมโดมิเนียมเป็นหลัก และการจะทำให้ธุรกิจอยู่ในโลกของความยั่งยืนได้นั้น คือการพัฒนาสินค้าให้อยู่ภายใต้ความยั่งยืนด้วย เสนาฯ กำลังชี้ให้เห็นถึงการปักธงครั้งสำคัญที่ทำให้การพัฒนาในเชิงธุรกิจเดินหน้าไปพร้อมกันกับการรักษาสิ่งแวดล้อม พลิกที่อยู่อาศัยให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย
ส่วนเจ้าของแนวคิดที่อยู่อาศัยแบบ ZEH ที่มีประสบการณ์การพัฒนามาแล้ว อย่าง นายโทดะ มาซาฮิโกะ ผู้อำนวยการฝ่ายบ้านจัดสรรต่างประเทศ บริษัท ฮันคิว ฮันคิว พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ได้ฉายภาพในระดับนโยบายของประเทศและก้าวต่อจากนี้ของ ฮันคิว ฮันชิน ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษ์โลกอย่างมาก โดยวางเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 46% ภายในปีค.ศ. 2030 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ให้ได้ภายในปีค.ศ. 2050 ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับต้นๆ
นอกจากนี้ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน ยังวางเป้าหมายในการเป็นผู้นำเพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืน และสอดคล้องไปกับนโยบายของบริษัทแม่ เพื่อลดการใช้พลังงานในครัวเรือน สร้างรูปแบบพลังงานแบบใหม่ อีกทั้งเพิ่มเติมการใช้พลังงานทดแทน ในอาคารที่บริษัท ฮันคิว ฮันชิน ถือครอง อีกทั้งในขณะนี้ยังได้จัดหาพื้นที่เพื่อทำ Carbon Neutral ในพื้นที่ตัวอย่างภายในปี 2030 และคาดว่าจะขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศให้ได้แบบโดมิโน่
นางสาว ยูคาโกะ มาสึโอะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจบ้านจัดสรร อธิบายเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นให้เงินสนับสนุน สำหรับบ้านที่ผ่านเกณฑ์บ้านพลังงานเป็นศูนย์แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวอยู่ที่ 5.5 แสนเยน และ 4 แสนเยนต่ออาคาร ขณะที่แบบแมนชั่นสูง จะได้รับเงินสนับสนุนอยู่ที่ 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 2 ของค่าใช้จ่าย และยังรวมถึงสิทธิ์ประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น โอกาสในการเข้าถึงเพื่อขอกู้ซื้อบ้าน อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่จะต้องทำคือ การสร้างความเข้าใจในโมเดล ZEH ไปสู่ลูกค้า เนื่องจากการสร้างบ้านในรูปแบบดังกล่าวจะมีราคาสูงกว่าปกติ
ปี 2566 นี้เสนาฯพร้อมลุยเต็มสูบในการพัฒนาบ้าน Zero Energy Housing ที่ใช้กับบ้านทุกหลังทุกโครงการรวมไปถึงใช้หลักการดังกล่าวพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยจะนำโมเดลดังกล่าวนำร่อง โครงการแกรนด์โฮม บางนา กม.29 และคอนโดมิเนียม แบรนด์นิช (Niche) ย่านบางโพ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ พร้อมเริ่มก่อสร้างในปี 2566 ด้วยเช่นกัน
นับว่าการดำเนินงานครั้งนี้ถือเป็นการพลิกโฉมที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและโลกแล้วยังยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้อาศัยอีกด้วย