SEAC ผู้นำด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและองค์กรเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต จัดงาน Open House: Breakfast Briefing เปิดพรีวิวโครงการ “Leading in a Disruptive World” (LDW) ครั้งที่ 5 ซึ่ง SEAC ร่วมกับ The Stanford Center for Professional Development มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ออกแบบหลักสูตรระดับเวิลด์คลาสที่นำเสนอเนื้อหาอัพเดตล่าสุด ตอบโจทย์สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 เปิดโลกทัศน์ใหม่สำหรับเจ้าของธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงกับกิจกรรมเวิร์คชอป โค้ชชิ่ง และสร้างเครือข่ายธุรกิจแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่แคมปัส มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนมีนาคม 2566 รวม 5 วัน 5 หลักสูตร
อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC เปิดประเด็นถึงความโดดเด่นอันแตกต่างของหลักสูตรเอ็กเซ็กคิวทีฟสุดเข้มข้น 5 วันที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระซึ่งปกติต้องใช้เวลาเรียนถึง 2 สัปดาห์นี้ว่า “หลักสูตร LDW มีความแตกต่างจากหลักสูตรสำหรับผู้บริหารทั่วไปที่มหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ ของโลกเปิดสอนอยู่ตรงที่ไม่ได้เป็นหลักสูตรแบบ Off the Shelf ซึ่งอาจไม่ได้ครอบคลุมเนื้อหาที่สอดคล้องกับโลกปัจจุบันจริงทั้งหมด แต่เป็นหลักสูตรที่ทาง SEAC ได้เข้าไปร่วมออกแบบกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยอาศัยข้อมูลล่าสุดจากสถานการณ์ของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกผันจากสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้บริบทที่เหมาะสมกับองค์กรและธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อฉายภาพให้ผู้นำธุรกิจได้เห็นถึงเทรนด์ของเทคโนโลยี นวัตกรรม ภาวะผู้นำ และการสรรหาบุคลากร เพื่อหาคำตอบในการนำพาองค์กรไปสู่อนาคตในทิศทางใด ด้วยเครื่องมือและเทคนิคอะไร โดยอาศัยวิธีการอย่างไร ในวันที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงในแบบที่ไม่มีใครเป็นคนกำหนด ไม่ได้เกิดจากเพียงผลกระทบของการปฏิวัติเทคโนโลยี แต่เกิดจากผลของโควิด-19 ที่เร่งให้เกิด Digital Future แบบเร็วขึ้นถึง 20 เท่า ในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม”
สำหรับพรีวิวหลักสูตรตลอด 5 วัน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
วันแรก The Transformed World & Leadership for a Truly Digital Future – ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ครอบคลุมในทุกธุรกิจ เลนส์ที่องค์กรใช้มองการทำงานต้องเปลี่ยน กรอบความคิด (Mindset) และชุดทักษะ (Skill Set) ที่จำเป็นของคนทำงานจะเป็นอย่างไร ในวันที่การใช้ Command & Control อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี หากแต่องค์กรต้องสร้างความฉลาดร่วมกัน (Collective Intelligence) ระหว่างกลุ่มคนทำงาน ขณะเดียวกัน กรอบความคิดของการพลิกโฉมองค์กรก็เปลี่ยนแปลงไปจาก เมื่อ 5 – 6 ปีที่แล้วที่ธุรกิจเริ่มหันมาทำ Digital Transformation สิ่งที่ธุรกิจต้องมุ่งไปคือ การสร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้าที่ดี ซึ่งจะกลายเป็นจุดสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่สำคัญที่สุด ผู้นำต้องเข้าใจว่าการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็น Digital Culture สำคัญกว่าการสร้าง Infrastructure ใด ๆ
วันที่ 2 The Transformational Impacts of Tech, Digital & Data – “Transformation ของโลกเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจัยของสถานการณ์โควิด เกิดการเร่ง Digital Future ที่ต่างไปจากเดิม 3 สิ่ง ที่เปลี่ยนแปลงไปของ Transformation ก็คือ Tech Digital และ Data” – เรียนรู้ ทำความเข้าใจกับศักยภาพของเทคโนโลยีอุบัติใหม่ และความสามารถในการเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็น บทบาทของเทคโนโลยี Cloud moที่มีผลกับการปฏิรูปธุรกิจทุกประเภท ในระดับที่มากน้อยแตกต่างกันไป ขณะที่การใช้ประโยชน์จาก Data ก็ไม่จำกัดอยู่เพียง Data Analytics ที่เป็นงานของ Data Scientist เท่านั้น แต่พนักงานทุกคนในองค์กรต้องตระหนักถึงศักยภาพของ Data ว่าจะนำมาใช้กับสายงานของตนเองได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ชี้ชัดแล้วว่า การอาศัยเพียงความคิดเห็น ความรู้สึก และประสบการณ์ของพนักงานแบบเดิม ๆ จะส่งผลให้องค์กรแข่งขันได้ช้าลง แต่คนทำงานต้องมี Data Mindset ที่รู้จักการใช้ประโยชน์จาก Data และการใช้ AI เพื่อออกแบบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานต่างหากที่จะกำหนดระดับความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจ
วันที่ 3 Innovating to Compete in a Disrupted World – “นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงไป ต้องนิยามและตีความเรื่องนวัตกรรมใหม่ทั้งหมด และสามารถเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็วแบบที่ต้องจับตาดูกันแบบรายวัน” – กลยุทธ์ด้านนวัตกรรมขององค์กรจะเกิดขึ้นได้ต้องเริ่มจากการที่พนักงานมี Venture Mindset หรือที่รู้จักกันดีว่า Entrepreneurial Mindset และต้องสามารถสร้างสูตรสำเร็จจากการทดลองทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช้เวลานานเกินไป นั่นคือต้องมองให้ออกว่าตลาดใหม่ ๆ คืออะไรโดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมและปฏิกิริยาของตลาดเพื่อหาจุดโฟกัสที่จะนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ขณะเดียวกัน ต้องยึดถือแนวทางความยั่งยืน สร้างอิมแพ็คเชิงบวกให้กับโลก แสวงหาโมเดลที่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการเติบโตในระยะยาว
วันที่ 4 The Leader as a Futurist, & the Future as a Leader – “ผู้นำองค์กรต้องเป็น Futurist หรือ Future Leader มีการออกแบบภายในการบริหารจัดการใหม่แบบ Leader as a Futurist ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในองค์กรในหลายหมื่นองค์กรใน สหรัฐอเมริกาและยุโรป” – ในการสรรหาผู้นำและผู้บริหารที่จะมารับช่วงต่อ ไล่เรื่อยมาจนถึงบุคลากรในด้านต่าง ๆ ต้องมุ่งเน้นบุคคลที่มองการณ์ไกล เล็งเห็นอนาคตที่ชัดเจนขององค์กร สามารถวางกรอบปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ เพื่อปลดล็อคให้เกิดการสร้างนวัตกรรม ผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถในการโน้มน้าว สร้างอิทธิพลชักจูงให้ผู้คนคล้อยตาม และได้เรียนรู้ก่อนใคร กับแนวคิด Improv Leadership ภาวะผู้นำในโลกยุคใหม่ที่อาศัยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และทักษะ Soft Skills ที่จำเป็น เพื่อการเป็นผู้นำที่มีความลื่นไหล คล่องตัว และพร้อมปรับตัวให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ
วันที่ 5 The New Workforce: Talent as a Multiplier – “มุมมองต่อพนักงานที่เป็น “คนเก่ง” (Talent) ในองค์กรเปลี่ยนไป ไม่จำเป็นต้องมีเยอะ แต่ต้องมี Talent ที่ใช่ Talent หลังสถานการณ์โควิด ต้องเปลี่ยน Mindset และเข้าใจความสำคัญของความเร็วในโลกธุรกิจ” – การที่บริษัทจะสามารถรักษาคนเก่งเหล่านี้ให้อยู่นาน ก็จำเป็นต้องสร้าง Community และ Platform เพื่อเสริมสร้างให้กลุ่มคนเหล่านี้รู้สึกว่าได้เรียนรู้ พัฒนาตัวเอง และเป็นองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง คนทำงานที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในโลกอนาคต จะไม่ใช่กลุ่มคน I-shaped หรือผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งอีกต่อไปแล้ว แต่องค์กรเริ่มมองหาคนเก่งที่เป็น Comb-shaped ที่ไม่เพียงรู้และเชี่ยวชาญในหลาย ๆ ด้านเท่านั้น แต่ยังรู้ลึกรู้จริงในสิ่งเหล่านั้นอีกด้วย
สำหรับคณาจารย์ที่ให้เกียรติมาสอนในหลักสูตร LDW ครั้งที่ 5 นี้ ล้วนเป็นระดับ Rockstar Professor ชื่อดังของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด คือมีความเชี่ยวและประสบการณ์ทั้งในด้านการสอนและทำวิจัยร่วมกับองค์กรชั้นนำระดับโลก มาร่วมการบรรยาย เวิร์กชอป โค้ชชิ่ง และกิจกรรม Networking แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไม่ว่าจะเป็น Professor Pamela j. Hinds – Professor & Co-Director of Center for Work, Technology & Operation, Professor Julian Novy – Professor of Practice and Faculty Co-Director of Stanford ‘s Change Leadership for Sustainability Program และ Professor Charles O’Reilly: Professor of Management at the Stanford Graduate School of Business เป็นต้น
พร้อมกันนี้ โครงการ LDW ครั้งที่ 5 ยังเพิ่มโปรแกรมพิเศษ คือการเดินทางไปเยี่ยมชม Silicon Valley ศูนย์กลางนวัตกรรมธุรกิจใหม่ ๆ ตระเวนทัวร์บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง Amazon, Airbnb และ Salesforce และสัมผัสนวัตกรรมล้ำโลกใหม่ล่าสุด ทั้งยานยนต์ไร้คนขับจาก Tesla และโลกเสมือนจริง Metaverse ที่ Meta Store เป็นต้น
นอกจากนั้น ทาง SEAC ยังช่วยเตรียมความพร้อมด้วยชุดข้อมูลที่อยู่ในหลักสูตรเพื่อปูความรู้พื้นฐานให้กับผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่าน ก่อนเดินทางไปรับรู้เทคนิคและเครื่องมือที่จะนำมาใช้กับศาตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่จะมาให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด พร้อมแกะกล่องรายละเอียดหลักสูตรเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้นำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของแต่ละองค์กร ภายหลังจากสำเร็จจากหลักสูตรอีกด้วย
ในโอกาสนี้ กมลวรรณ วิลุปา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท Bound & Beyond จำกัด มหาชน ได้ให้เกียรติร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงจากการเข้าร่วมโปรแกรม Leading in a Disruptive World (LDW) ถึง 3 รุ่น โดยกล่าวถึงว่า “การได้มาร่วมโครงการ LDW เป็นประสบการณ์ของการเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในทุกครั้งที่ได้มาร่วมจริง ๆ อย่างในครั้งที่ 5 นี้ สิ่งที่ได้รับฟังจากพรีวิว หลายอย่างก็เป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ความพิเศษของโปรแกรมนี้ที่แตกต่างจากที่อื่นคือ ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้นำองค์กรและผู้บริหารระดับสูงในบริบทของไทย ดีไซน์กระบวนการเรียนรู้แบบครบวงจร อัดแน่นด้วยหลักสูตรที่คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจได้ว่าโปรแกรมนี้จะช่วยทำให้ผู้นำองค์กรขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้าอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน ยิ่งได้ไปอยู่ใจกลางของนวัตกรรม และได้เรียนรู้กับบริษัทชั้นนำในซิลิคอน แวลลีย์ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ทำให้เห็นภาพ และวิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้ง ซีแอคยังเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีตั้งแต่ก่อนเดินทาง ระหว่างเข้าร่วมหลักสูตร ตลอดจนหลังจบโครงการ ก็ยังให้การสนับสนุนเรื่องการ Sharing นำเครื่องมือ กลวิธี รูปแบบการทำงาน และแนวความคิดในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อช่วยให้ผู้นำสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในองค์กร และยกระดับธุรกิจได้จริงอีกด้วย”
สำหรับผู้บริหารที่สนใจเตรียมความพร้อมรับมือและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจไปกับโปรแกรมนี้ สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดได้ที่ ประไพรัตน์ (ซัง) โทร. 086-403-9238