ภาพรวมตลาดไอที และ VST ECS (Thailand) 

จากที่ผมได้ไปร่วมงาน VMware ที่สิงคโปร์ คาดการณ์ว่าสองปีหลังโควิด โลกจะใช้จ่ายเงินด้านไอทีสูงขึ้นประมาณ 25% หรือประมาณ 5 เท่า ดีมานด์สูงขึ้นอย่างชัดเจนเพราะการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน รูปแบบการทำงานเป็นแบบไฮบริด มีความต้องการระบบเน็ตเวิร์คที่เปลี่ยนไป ระบบซิเคียวริตี้ที่สูงขึ้น หลายที่มีการอัพเกรดระบบ ERP, การทำระบบ conference แบบออนไลน์มากขึ้น องค์กรต้องมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้นไม่ให้ระบบไอทีมีปัญหาคอขวด เมื่อมีผู้ใช้งานจำนวนมากในเวลาเดียวกัน

ภาพรวม VST ECS (Thailand)

• คาดการณ์ว่าปีหน้าจะเติบโต single digit ส่วนที่จะโตน้อยที่สุดคือ กลุ่มคอนซูเมอร์ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนสูง ต้องรอดูว่าภาครัฐจะมีโปรแกรมอะไรออกมาช่วยเหลือมั้ย ส่วนของเอนเตอร์ไพรส์และคอมเมอร์เชียล เอกชนยังต้องลงทุนกันต่อ แล้วแต่ budget ของแต่ละบริษัท

• ลูกค้าของบริษัท ปัจจุบันสัดส่วนใกล้เคียงกันเป็นเอกชน 60% และภาครัฐประมาณ 40% แค่ค่าใช้จ่ายในส่วนของฮาร์ดแวร์แบ่งเป็นภาคๆ ของไทยก็หลักหลายหมื่นล้านบาท

•คอนซูเมอร์ต่างจังหวัด ดูสถานการณ์ด้านเศษรฐกิจว่าจะโตเท่าไร ที่น่าจะขยายคือราชการ การศึกษา โรงพยาบาล และเอกชนทั่วไป เนื่องจากมีการทำ digital transformation อนาคตมีแผนเพิ่มทีมงานเข้าไปมากขึ้น ทั้งจำนวนเซลส์ของคอนซูเมอร์และเอนเตอร์ไพรส์ หวังว่าปีหน้าจะโตขึ้นเป็น 20-25% ของยอดขายโดยรวม

•ปีหน้ามีแผนนำสินค้าใหม่ พวกระบบเน็ตเวิร์คที่ราคาย่อมเยาเข้ามาทำตลาดเป็นทางเลือกเพิ่มขึ้น เช่น CCTV และอีกสินค้าที่เตรียมความพร้อมมาปีกว่าแล้ว คือ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ภาครัฐตอบรับดีมากขึ้น คาดว่าปีหน้าน่าจะเป็นปีทองของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งที่เราจัดจำหน่ายคือยี่ห้อ Kavallo และ Super Soco ผลิตในไทย เป็นเทคโนโลยีของออสเตรเลีย เน้นขายให้หน่วยงานต่างๆ โดยมีหลายที่เน้นทำ Green Environment และตามร้านขายมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ที่เราจะแต่งตั้งตัวแทนขายทั่วประเทศ ปีนี้ขายได้ประมาณ 500 คัน ปีหน้าตั้งเป้าที่ 3,000 คัน จากมาร์เก็ตแชร์มอเตอร์ไซค์ EV ในตลาดไทยมีประมาณ 6,000 คัน เรามีแผนจะเปิดศูนย์บริการที่แถวถนนร่มเกล้า และทยอยกระจายไปอีก 10 จังหวัด เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจ เพราะศูนย์บริการของเราจะมีอะไหล่ให้ครบทุกชิ้นพร้อมเสมอ เรามีสถาบันการเงินมาช่วยรองรับให้ลูกค้าที่ซื้อจากเราสามารถซื้อผ่อนได้ คือกรุงศรีออโต้และ KBank สามารถเสียภาษี จดทะเบียนป้ายขาว วิ่งบนท้องถนนได้ ทำประกันภัยได้ตามปกติ

• ปีหน้าจะมีสินค้าในกลุ่มเน็ตเวิร์ค low-end จากจีนเข้ามาเพิ่ม เพื่อเจาะตลาด sme ระดับล่างมากขึ้น

• ปัญหาสินค้า shortage ฝั่งเอนเตอร์ไพรส์ยังมีอยู่ คือสินค้าประเภทเน็ตเวิร์ค ทั้งซิสโก้ อารูบ้า แต่คิดว่าปัญหานี้น่าจะดีขึ้น เพราะจีนเปลี่ยนนโยบายแล้ว ไม่ถึงกับขนาดปิดโรงงานล็อคดาวน์ถ้าเจอโควิด ไม่เช่นนั้นพวกกลุ่มคอมโพเนนท์จะได้รับผลกระทบมาก คิดว่า Q2 ปีหน้าน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ

• บริษัทวีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) ดูแลรับผิดชอบสำนักงานสาขาที่ CLM คือ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ขายเฉพาะสินค้าเอนเตอร์ไพรส์เท่านั้น โดยได้รับสิทธิ์จากเวนเดอร์ให้เป็นผู้ขายใน 3 ประเทศนี้แต่เพียงผู้เดียว

• ในส่วนของพม่าหลังจากที่มีการปฏิวัติและทำใหสถานการณ์ดรอปลงนั้น ทางเราก็ไม่มีการปลดพนักงานที่พม่าแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากปฏิวัติ 6 เดือน ตลาดกลับดีขึ้นเกินกว่าที่เราคาดไว้ ทำให้เราคาดว่าสถานการณ์ปีหน้าจะดีมากขึ้น จึงตัดสินใจว่าปีหน้าจะบุกตลาดพม่าอย่างเต็มรูปแบบ

• ในขณะที่สาขากัมพูชา เรามีพนักงานอยู่ 30 กว่า คน ประเทศเขามีรัฐบาลเดียว ทำให้การเติบโตยังดีได้อย่างต่อเนื่อง ปีหน้าน่าจะโตได้ถึง 20% ถือว่าที่กัมพูชาประสบความสำเร็จที่สุด

• ลาวติดชายแดนไทย ตัวเลขไม่ใหญ่มาก เราได้โปรเจคต์ใหญ่ในลาวเยอะมาก เช่น ของหัวเว่ย และสินค้า enterprise

• สินค้าที่ขายดีมากใน CLM คือ พวกเน็ตเวิร์ค เช่น Cisco, server, storage, โซลูชันประเภท hyperconverged และ HCI, Huawei enterprise เนื่องจากประเทศพวกเขาต้องการสินค้าจำพวกนี้เพื่อปรับปรุงระบบต่างๆ ในประเทศอีกเยอะมาก

• สินค้าอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงที่บริษัทจัดจำหน่าย มียี่ห้อ Petoneer, Petwant , Pawbo, Meet, Petkit ปัจจุบันขายได้เรื่อยๆ ตัวเลขไม่ได้โตมาก แต่เราเลือกที่จะขายเพื่อเป็นการเปิดช่องทางใหม่ๆ รองรับไว้เช่นเดียวกับมอเตอร์ไซค์ EV โดยมองว่าเป็นโอกาสใหม่ๆ ของร้านค้าไอทีในอนาคตที่สามารถรับสินค้าเหล่านี้มาขายได้ด้วยเช่นกัน

• ธุรกิจใหม่อีกอย่างที่จะเริ่มในปีหน้า คือ Solar Cell โดยเราจะขายตัว inverter ของ Huawei ผลตอบรับค่อนข้างดี คนเริ่มมาใช้กันเยอะ เช่น โครงการของหมู่บ้านต่างๆ หันมาติด solar roof ที่ประกอบด้วย inverter ทำให้เราเห็นช่องทานในอนาคตพร้อมตั้งทีมงานเพื่อขยายธุรกิจตรงนี้มากขึ้น

VST ECS คาดการณ์

• คาดการณ์ปีนี้ 2022 โตที่ 12%
• ปี 2023 คาดจะเติบโต single digit

Investment

• การเปลี่ยนระบบภายในองค์กรให้เป็นดิจิทัลเริ่มมาก่อนเกิดโควิด 2 ปี ตั้งแต่ 2018 คือเราเริ่มมีการปรับเปลี่ยนระบบ infrastructure เพื่อรองรับการทำงาน anywhere any place ให้มีการทำงานอย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยพัฒนาในส่วน digital transformation ทั้งหมด

• ในปีหน้ามีแผนการลงทุนในระบบไอทีของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว 10% เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับส่วนนี้ เราต้องปรับปรุงตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นคงอยู่ลำบาก นับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งขององค์กรที่จำเป็นต้องทำ