ยูบิลลี่ ไดมอนด์ ชี้แนวโน้มการลงทุนเพชรปีนี้เติบโตต่อ จากกำลังซื้อจีนเปิดประเทศ ตลาดไม่ผันผวน เหมาะลงทุนระยะกลาง-ยาว กระจายความเสี่ยง

ยูบิลลี่ ไดมอนด์ เผยมูลค่าเพชรเติบโตต่อเนื่อง รับปัจจัยบวกจากการที่จีนเปิดประเทศ หนุนกำลังซื้อทั้งภายในประเทศจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางออกต่างประเทศ ทำให้ภาพรวมของตลาดโลกมีความต้องการในการซื้อเครื่องประดับเพชรแท้ปีนี้จะเพิ่มขึ้น ชี้ราคาเพชรเปลี่ยนแปลงตามอุปสงค์ และอุปทาน ตอกย้ำการลงทุนในเพชรแท้เป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าทั้งระยะกลางและยาว และมีความเสี่ยงต่ำ ช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุ

นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เผยถึงมุมมองการลงทุนในเพชรแท้ว่า ปัจจุบันเพชรแท้ถือเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ทางเลือกในการลงทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเพชรแท้ มีมาร์เก็ตแชร์รวมกันกว่า 60% ของตลาดการใช้เครื่องประดับเพชร เนื่องจากตอบโจทย์เรื่องการกระจายความเสี่ยง ช่วยลดความผันผวนในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนที่มีสินทรัพย์เสี่ยงราคาหวือหวา ด้วยคุณสมบัติของเพชรที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หวือหวามากนัก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนคุ้มค่าในระยะกลางถึงยาว โดยแนวโน้มการลงทุนในปี 2566 เพชรยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่เน้นคุณค่า และพร้อมให้เวลาเป็นตัวกำหนดราคา เพราะเพชรเป็นสินทรัพย์ที่ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

ทั้งนี้ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในเพชรแท้ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์โรคระบาด ราคาของเพชรยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและชนะเงินเฟ้อได้ดีในการลงทุนระยะยาว 3-5 ปี กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและจับต้องได้ นอกจากนี้ ราคาเพชรยังมีความเชื่อมโยงกับค่าเงิน เช่นเดียวกับสินทรัพย์อื่น หากพิจารณาถึงตลาดในประเทศ สถานการณ์ช่วงนี้ เงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่จะเลือกลงทุนเพชรในช่วงนี้

ในปัจจุบันเพชรจึงไม่ใช่แค่สินทรัพย์ที่เป็นเครื่องประดับเท่านั้น แต่เป็นสินทรัพย์คงทนในแง่คุณภาพที่จะอยู่กับผู้ถือครองอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะผ่านไป 10 ปี หรือ 100 ปี มูลค่าของเพชรก็ไม่ได้เลือนหาย ในขณะเดียวกันกลับเพิ่มสูงขึ้นตามกาลเวลา โดยเพชรถูกจัดเป็น Alternative Investment หรือ สินทรัพย์ทางเลือกที่ดี และสินทรัพย์ทางเลือกที่มั่นคงในการลงทุน สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในตลาดโลก ไม่ต่างจากทองคำ มีใบรับรองคุณภาพ (certificate) ที่มีมาตรฐานโลกรองรับ

นางสาวอัญรัตน์ กล่าวเสริมว่า “ราคาเพชรมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก และมองว่าปัจจุบันสถานการณ์ตลาดเพชรทั่วโลกยังคงขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวหลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการเปิดประเทศของจีน แม้จะยังมีปัจจัยเสี่ยงอย่าง เงินเฟ้อเข้ามามีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ไม่ได้กระทบต่อความต้องการซื้อเพชรของนักลงทุนทั่วโลกมากนัก สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในเพชรมีความเสี่ยงที่ต่ำ เนื่องจากราคามีความมั่นคง ไม่ผันผวนรุนแรงเท่ากับสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ และแม้จะมีความผันผวน แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในระยะยาว” 

การลงทุนในเพชรสามารถเริ่มต้นได้ที่เพชรขนาด 30 สตางค์ขึ้นไป ซึ่งจะมีใบรับรองจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง GIA หรือ HRD เป็นการการันตีว่าเพชรที่ซื้อนั้น ได้รับการรับรองที่ถูกต้อง และมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ อีกทั้งทำให้การขายในอนาคตมีความคล่องตัวมากขึ้นอีกด้วย” นางสาวอัญรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนใน “เพชร” อาจจะเริ่มด้วยการหาแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ อย่าง Jubilee Diamond แบรนด์เครื่องประดับเพชรอันดับหนึ่งของเมืองไทย ที่อยู่คู่คนไทยและมีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายเครื่องประดับเพชรมากว่า 94 ปี ซึ่งสามารถให้คำแนะนำในการเลือกซื้อเพชรจากผู้เชี่ยวชาญ ผ่านจำนวนสาขามากกว่า 130 แห่งทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ www.jubileediamond.co.th โดยเครื่องประดับเพชรทุกชิ้นเริ่มต้นจากวัตถุดิบเพชรที่ส่งตรงจากเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) ประเทศเบลเยี่ยม ศูนย์กลางการเจียระไนเพชรที่ดีที่สุดในโลก ผ่านขั้นตอนการผลิตที่ประณีตด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมการการันตีคุณภาพเพชรด้วยใบ certificate  จากสถาบันระดับโลกอย่าง HRD และ GIA ซึ่ง Jubilee Diamond เป็นแบรนด์เพชรเดียวในประเทศไทยที่มอบใบเซอร์ฯ คุณภาพเพชรตั้งแต่ 0.19 กะรัตขึ้นไป