ปรากฎการณ์ความนิยม T-pop ในประเทศจีนเวลานี้ ต้องเรียกว่าไม่ธรรมดา เพราะไม่ใช่กระแสชั่วคราวแบบผ่านมาแล้วก็ไป แต่มาแรงขนาดที่ว่า K-Pop และ J-Pop ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ถึงขั้นที่หนังสือพิมพ์ดิวอลสตรีท เจอร์นัล เวอร์ชั่นนิวยอร์ค บินไปเมืองจีนทำสกู๊ปลงหน้า 1มาแล้ว
ความดังของ T-Pop ในช่วงต้นไม่ได้มีแรงสนับสนุนจากภาครัฐของไทยเหมือนกับกระแสความดัง K-pop ที่รัฐบาลเกาหลีใต้มองเห็นโอกาสจากการส่งออกสินค้าวัฒนธรรม ผ่านละครซีรีส์ หนัง นักร้อง นักแสดง เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว อาหารการกิน จนเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ฟื้นฟูประเทศในช่วงที่ต้องเจอวิกฤติต้มย้ำกุ้ง
ช่วงแรกของการบุกเบิกละครไทยไปจีนมาจากภาคธุรกิจที่มองเห็นโอกาสหลายอย่าง รัฐบาลจีนซึ่งขึ้นชื่อว่าควบคุมสื่อทุกชนิด ไม่ต้องการให้กระแส K-pop และ J-pop แรงเกินไป จึงเปิดโอกาสให้ความบันเทิงจากชาติอื่นๆ เข้าไปแชร์คนดู ก็เลยเป็นโอกาสของละครไทย ยิ่งมาได้สถานีโทรทัศน์ระดับท้อปอย่าง CCTV หูหนาน และอานฮุย ซื้อละครไทยไปฉายอยู่ตลอดเวลา
ผลพวงจากแรงฮิตของละครไทย ยังส่งผลให้ ป้อง -ณ วัฒน์ บี้เดอะสตาร์ เป็นที่ชื่นชอบของแฟนละครชาวจีน โด่งดังระดับ “ซุป’ตาร์” โดยละครที่เข้าไปตีตลาด และเป็นที่ถูกอกคอละคนชาวจีนช่วงแรกจะเป็นของค่ายเอ็กแซค ซึ่งได้รับติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ไปเผยแพร่เมื่อ 7-8 ปีมาแล้ว
ดีกรีความคลั่งไคล้ของแฟนคลับชาวจีนที่มีต่อซุป’ตาร์ของไทย เรียกได่ว่าไม่แพ้แฟนคลับของ K-pop และ J-pop เปิดเว็บไซต์อัพเดทข้อมูลตลอดเวลา เวลาที่ดาราไทยบินไปโปรโมทละครจะมีแฟนคลับมารอรับกันแน่นสนามบิน บางคนลงทุนบินมาถึงเมืองไทย หรือ จองเที่ยวบินเดียวกับ ป้อง ณวัฒน์
เรื่องราวของ T-pop จึงเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ ที่นิตยสาร Positioning นำมาถอดรหัส เพื่อบอกเล่าถึงที่มา กุญแจแห่งโอกาส และสำเร็จของละครไทย จนเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวจีนได้ถึงเพียงนี้
เวลานี้หน่วยงานต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถานกงศุลไทยในจีนเริ่มออกมาเคลื่อนไหว นำกระแส T-Pop มาใช้เป็นเครื่องมือในโปรโมทการท่องเที่ยวในไทย ขณะเดียวกันสร้างโอกาสให้กับธุรกิจไทยที่จะไปเปิดตลาดค้าขายในจีน
เบื้องหลังของที่มา และโอกาสของ T-Pop จะเดินหน้าต่อไปอีกได้ไกลแค่ไหนติดตามได้ในนิตยสารPositioning ฉบับนี้ ทุกคำถามเรามีคำตอบ
