บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด เครือเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เกาหลีชื่อดัง อาทิ ร้านปิ้งย่างเกาหลี nice two Meat u และ nice two Sea u ร้านชานมไข่มุก Fire Tiger ร้านคาเฟ่ขนมปังสไตล์เกาหลี Mil Toast House ลุยสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้วงการร้านอาหาร ด้วยการเปิดตัว “Dosan Dalmatian by Mammamia” ร้านอาหารแนว Western & Korean Brunch แห่งแรกในไทย ตลอดจนเป็นร้านอาหารแห่งแรกในสยามสแควร์ที่เปิดให้บริการในรูปแบบ Rooftop bar มีพื้นที่ร้านรองรับลูกค้าได้มากที่สุดในสยามสแควร์ กว่า 100 ที่นั่ง ส่งตรงความอร่อย จากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มาให้ชาวไทยได้สัมผัสกับบรรยากาศร้านอาหารสุดเทรนดี้ร้านล่าสุดในเครือ โดยยังคงเลือก ปักหมุดในย่านสยามสแควร์ ซึ่งเป็นโลเคชั่นแจ้งเกิดร้านอาหารสาขาแรกทุกแบรนด์ในเครือ คาดการเปิดตัว ครั้งนี้ จะช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโออาณาจักรร้านอาหารและเครื่องดื่มของ รวยไม่หยุดกรุ๊ป ให้ยิ่งแข็งแกร่งและสร้างสีสันให้ย่านสยามสแควร์ ยืนหนึ่งเป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ แย้มเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่อีก 4 แบรนด์ ภายในปีนี้
ชุติมา เปรื่องเมธางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด กล่าวว่า ร้าน Dosan Dalmatian by Mammamia ( โดซาน ดัลเมเชี่ยน บาย มัมมาเมีย) เกิดจากการรวมตัวของสองร้านอาหารเกาหลีที่กำลังโด่งดังมากที่ประเทศเกาหลีใต้ เราตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ทั้งสองร้านมาเพื่อมาเป็นรวมกันในร้านเดียว เป็นร้านบรันซ์อาหารคาวของจากร้าน Dalmatian ที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและเกาหลีไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และ ร้าน Mammamia ซึ่งเป็นคาเฟ่ขนมที่มีจุดเด่นคือรสชาติขนมและการแต่งร้านด้วยสีชมพูช็อกกี้ พิงค์ พอมีโอกาสได้ไปลองชิมอาหาร และขนมที่ร้าน Dalmatian และ Mammamia ก็ถูกใจทั้งรสชาติ และคอนเซ็ปต์ของร้าน มองว่ามีศักยภาพที่จะมาเจาะกลุ่ม ลูกค้าคนไทย และจะมาเสริมพอร์ตโฟลิโอของเครืออาหารและเครื่องดื่มสไตล์เกาหลี ที่มีทั้งร้านปิ้งย่าง เบเกอรี่ ชานมไข่มุก แต่ยังขาดธุรกิจแนวร้านอาหารเกาหลี จึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ของทั้งสองแบรนด์เข้ามาเปิดด้วยกัน ทำให้มีความโดดเด่น ทั้งอาหารคาวและของหวาน
“เราไม่ได้ตั้งเป้าว่า แต่ละปีจะต้องซื้อแฟรนไชส์จากเกาหลีมากี่แบรนด์ แต่เวลาเราเจอแบรนด์ที่มองว่ามีศักยภาพ เราก็ไม่อยากปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป เพราะจากประสบการณ์ที่ทำธุรกิจในสยามสแควร์มานานกว่า 10 ปี และอยู่ในธุรกิจอาหารมา 6 ปี ทำให้เราเข้าใจอินไซต์ของผู้บริโภคในย่านนี้ จะเห็นว่า ที่ผ่านมา เราไม่ได้เจาะจงซื้อแฟรนไชส์ เฉพาะร้านที่ดังที่เกาหลีอยู่แล้วเท่านั้น เพราะร้านที่ดัง ไม่ได้หมายความว่า พอเอามาเปิดที่เมืองไทยแล้วจะปัง แต่เบื้องหลังความสำเร็จเกิดจากการอ่านเกมให้ขาด เข้าใจผู้บริโภค รู้จักวิธีการทำตลาดและปั้นแบรนด์เพื่อให้เข้าถึง กลุ่มเป้าหมายในย่านสยาม ดังนั้น ร้านที่เราจะเลือก ต้องเป็นร้านที่เราถูกใจทั้งรสชาติ และมีแบรนด์ดิ้งที่เรามองว่า ตอบโจทย์คนไทย ถึงเอามาปั้นแบรนด์ต่อ”
โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการปั้นแบรนด์ของรวยไม่หยุด กรุ๊ป คือ การนำแบรนด์ที่ซื้อแฟรนไชส์มาปรับ ให้เข้ากับรสนิยมและวัฒนธรรมการกินดื่มของคนไทย (Localization) เพื่อเสิร์ฟความเป็นเกาหลีในแบบที่ถูกใจคนไทยมากที่สุดดังนั้น จึงต้องมีการเจรจากับเจ้าของแบรนด์ให้ชัดเจนว่า พอมาเปิดสาขาที่ไทย จะต้องมีการปรับทุกอย่าง ตั้งแต่การ ตกแต่งร้าน ไปจนถึงรสชาติอาหาร เพื่อให้ตอบโจทย์คนไทย โดยที่แบรนด์ดิ้งและคอนเซปต์ร้านยังไม่เปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมา ทางเครือได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กลยุทธ์นี้ได้ผลเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างร้าน nice two Meat u ซึ่งมีการปรับเปลี่ยน หลายอย่าง จนตอนนี้ นอกจากจะขยายไปมากกว่าสิบสาขาทั่วกทม.และมียอดขายที่น่าพอใจแล้ว เครือของเรายังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากการทำแบรนดิ้งของคนไทย ทั้งสไตล์การตกแต่งร้าน การจัดทำมาสคอตขึ้นใหม่ ทำให้สาขาในประเทศอาเซียนของ nice two Meat u สนใจเปิดสาขาตามแบบแบรนดิ้งของสาขาที่ประเทศไทย อีกทั้งเรายังสร้างกระแสให้แบรนด์ จนมีลูกค้าคนไทยและต่างชาติตามไปชิมสาขาออริจินัลถึงที่เกาหลีด้วย
ทั้งนี้ ชุติมา ยังเสริมด้วยว่า สำหรับ “Dosan Dalmatian by Mammamia ถือเป็นร้านบรันซ์น้องใหม่ที่จะมาสร้าง ประสบการณ์ ที่แตกต่างให้คนไทย เพราะเป็นบรันซ์ที่ผสมผสานความเป็นตะวันตกและเกาหลีเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งถือว่า เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย และยังเป็น Rooftop Bar แห่งแรกในสยามสแควร์ ที่เปิดให้ลูกค้ามาชิลได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ นอกจากนี้ ยังเป็นร้านอาหารแบบ Dog Friendly ที่เปิดให้ลูกค้าสามารถพาสุนัขเข้ามาที่ร้านด้วยได้ โดยจะต้องดูแลเรื่องความสะอาดให้เรียบร้อย หากนั่งชั้นห้องแอร์ ต้องอยู่ในกระเป๋าหรือรถเข็น แต่หากเป็นชั้นดาดฟ้าสามารถใส่สายจูงเดินได้
“เหตุผลที่เรายังเลือกปักหมุดสาขาแรกที่สยามสแควร์เหมือนเดิม เพราะเราโตมากับสยามซึ่งเป็นที่ที่ให้โอกาสเรา ในการสร้างธุรกิจตั้งแต่แรก เราเลยอยากให้ทุกย่างก้าวของเราจากนี้ เติบโตไปพร้อมกับสยามสแควร์ ด้วยการสร้าง ความเจริญให้ย่านนี้ กลายเป็นแลนด์มาร์คเด่นของกรุงเทพ ที่ดึงดูดคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งเราไม่เคยมองร้านอื่นเป็นคู่แข่ง แต่มองว่า เป็นพันธมิตรที่มาช่วยกันทำให้สยามดีขึ้น หลายคนอาจจะมองว่าเราโชคดีได้ทำเลที่ดี แต่ต้องบอกว่า แม้สยามจะเป็นไพรม์โลเคชั่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะได้ที่ตั้งร้านที่อยู่ในโลเคชั่นที่ดีที่สุดเสมอไป ดังนั้น หน้าที่ของเราคือ เราต้องเปลี่ยนโลเคชั่นที่มีให้เป็นทำเลทองคำ ด้วยการออกแบบร้านและสร้างแบรนด์ดิ้งให้แข็งแรง จนทำให้ร้านเราเหมือนอยู่ในไพร์มโลเคชั่นทุกที่”
ด้าน นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด เสริมถึงคอนเซ็ปต์ในการออกแบบร้าน “Dosan Dalmatian by Mammamia” ที่ชวนให้สะดุดตา สมกับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของสยามสแควร์ ว่า เพราะรู้อยู่แล้วว่า การจะหาโลเคชั่นที่เป็นบ้านสไตล์ชนบทในสยามให้เหมือนที่เกาหลีนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น พอคิดจะเปิดร้านที่ Block I ซึ่งมีพื้นที่ 4 ชั้น เลยต้องปรับดีไซน์ใหม่ เพื่อสร้างความแปลกใหม่ ออกแบบทุกมุมของร้านให้ สามารถถ่ายรูปสวย มีความ Instagrammable
“ที่เกาหลี คอนเซ็ปต์การตกแต่งร้านเขาจะคล้ายบ้านในแถบยุโรปชนบท มีน้ำพุอยู่ในร้านเป็นซิกเนเจอร์ แต่พอของเรามาอยู่ในตึก 3 ชั้น เราเลยออกแบบให้ดูเป็นตึกกระจกใสที่ดูแล้วมีความเป็นร้านดัลเมเชี่ยนในเมือง มาพร้อมชั้น rooftop ซึ่งเราดึงดูดให้ลูกค้าอยากขึ้นไปเช็คอิน ด้วยการจำลองน้ำพุแบบมีดอกไม้หลากสีสันเหมือนกับร้านที่เกาหลี ไปไว้ด้านบน เพื่อเป็นอีกหนึ่งกิมมิกให้ลูกค้าถ่ายรูป ส่วนภายในร้านยังคงการตกแต่งที่มีลายจุดและรูปภาพของสุนัขดัลเมเชี่ยนสีสันจัดจ้านประดับอยู่ตามผนังในมุมต่าง และใช้จุดเด่น สีชมพูช็อกกี้พิงค์ของร้านมามาเมียเข้ามาเพิ่ม ความสดใส ให้ตรงคอนเซปท์ของร้าน”
สำหรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต ชุติมา กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับ “Dosan Dalmatian by Mammamia” ตอนนี้ยังอยู่ในช่วง Soft Opening หลังจากเปิดตัวไปเมื่อช่วงปีใหม่ ก็ได้รับกระแสตอบรับดีมาก จนมีลูกค้ามารอคิว แถวยาวในวันหยุดตลอด ในอนาคตจะมีการเพิ่มเมนูใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพอีก 50% ส่วนแผนการขยายสาขา จะเน้น เลือกโลเคชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายจริงๆ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ยังมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 4 แบรนด์ โดยยังคงคอนเซ็ปต์ อาหารและเครื่องดื่มสไตล์เกาหลี ส่วนจะเป็นแนวไหนอยากให้รอติดตาม
“เป้าหมายระยะยาวของเรา คือ เป็นผู้นำในตลาดอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เกาหลีในไทย ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้น ได้ ไม่ได้วัดจากจำนวนแบรนด์ที่เรานำเข้ามา หรือ ตัวเลขการเติบโตของบริษัท แต่ต้องมาจากกระแสตอบรับของลูกค้า เมื่อไหร่ที่เราเป็น top of mind ที่ลูกค้าคิดถึงอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เกาหลีเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงร้านอาหารในเครือของเรา เมื่อนั้น ถึงจะพิสูจน์ว่าเราเป็นผู้นำในตลาดนี้อย่างแท้จริง ซึ่งเรายังเชื่อมั่นว่าเทรนด์เกาหลียังอยู่ในกระแสอีกอย่างน้อย 10 ปี เพราะ รัฐบาลเกาหลีเอง ยังคงส่งเสริม Soft Power จากเกาหลี จนตอนนี้ ขยายไปทุกวงการ แม้แต่ในกลุ่มลักซ์ชัวรี แบรนด์ก็ยังหันมาใช้โกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์จากฝั่งเกาหลีมากขึ้น ดังนั้น เทรนด์ร้านอาหารและเครื่องดื่มจากเกาหลี ยังมีศักยภาพอีกมากให้ขยายต่อแน่นอน” ชุติมา กล่าวทิ้งท้าย