‘ดิสนีย์’ ประกาศปรับโครงสร้างเตรียมปลดพนักงาน 7,000 คน หวังลดต้นทุน-เพิ่มโอกาสทำกำไรให้สตรีมมิ่ง

ภาพจาก Shutterstock
หลังจากที่ ‘บ็อบ ไอเกอร์’ (Bob Iger) อดีตซีอีโอของดิสนีย์ได้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา และได้มีการระบุว่า เขามีแผนจะปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ล่าสุด ดิสนีย์ ก็เตรียมลดคนประมาณ 3% และจัดระเบียบใหม่เป็น 3 หน่วยงาน พร้อมตั้งเป้าลดต้นทุนให้ได้ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ย้อนไปช่วงปลายปี 2022 ที่ บ็อบ ไอเกอร์ ได้กลับมารับตำแหน่ง ซีอีโอของดิสนีย์ อีกครั้ง สิ่งแรกที่บ็อบปรับเปลี่ยนในวันแรกก็คือ ไล่หัวหน้าฝ่ายสื่อและความบันเทิงของบริษัท ซึ่งถือเป็น มือขวา ของอดีตซีอีโอ บ็อบ ชาเพ็ก (Bob Chapek) ออก พร้อมระบุว่า ดิสนีย์เตรียมปรับโครงสร้างใหม่ โดยล่าสุด ดิสนีย์ก็ได้ประกาศแผนที่จะจัดระเบียบใหม่เป็น 3 ส่วนแผนก ได้แก่

  • Disney Entertainment : โดยจะเป็นการรวมหน่วยงานด้านสื่อรวมถึงแพลตฟอร์มสตรีม
  • แผนก ESPN : หน่วยงานดูแลเครือข่ายทีวีและบริการสตรีมมิ่ง ESPN+ ที่เป็นสตรีมมิ่งเกี่ยวกับกีฬา
  • สวนสนุก ประสบการณ์ และผลิตภัณฑ์

การปรับโครงสร้างดังกล่าว ทำให้ดิสนีย์ประกาศว่าจะ เลิกจ้างงานพนักงาน 7,000 ตำแหน่ง หรือราว 3% ของพนักงานทั้งหมด 220,000 คน โดยแบ่งเป็นในสหรัฐฯ 166,000 คน และประมาณ 54,000 คนในต่างประเทศ โดยการปรับโครงสร้างใหม่นี้ ถือเป็นหนึ่งในแผนในการลดต้นทุนบริษัทให้ได้ 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้ ธุรกิจสตรีมมิ่งมีกำไร จากที่ก่อนหน้านี้ดิสนีย์เคยโดนนักลงทุนบ่นว่า ใช้เงินลงทุนในธุรกิจสตรีมมิ่งมากเกินไป

โดยในช่วง Q4/2022 ที่ผ่านมา สมาชิกของ Disney+ ลดลง 2.4 ล้านราย และนับเป็นการสูญเสียสมาชิกครั้งแรกของแพลตฟอร์ม นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2019 ซึ่งการลดลงดังกล่าวนี้ ดิสนีย์คาดว่าบริษัทสูญเสียรายได้ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการลดต้นทุนมูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะแบ่งเป็นการลดต้นทุนจากการผลิตคอนเทนต์ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอีก 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะมาจากการลดต้นทุนในส่วนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตคอนเทนต์ โดยผู้บริหารของดิสนีย์ระบุว่า บริษัทได้ดำเนินการลดต้นทุนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเป้าหมายดังกล่าวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่แล้ว

ปัจจุบัน การแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งนับวันยิ่งดุเดือด โดยผู้เล่นแต่ละรายลงเงินไปกับการผลิตคอนเทนต์จำนวนมาก ทำให้ต้องมีการลดพนักงานและตัดส่วนงานที่ไม่จำเป็นเพื่อลดต้นทุน นอกจากนี้ แพลตฟอร์มดัง ๆ อย่าง Netflix และ Disney+ ต่างก็มีแผนที่จะออกแพ็กเกจโฆษณาราคาถูกเพื่อสร้างรายได้

Source