บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ตั้งเป้าสู่ความเป็นเลิศทางการแพทย์อย่างยั่งยืนด้วยการลงทุนในนวัตกรรมใหม่กว่า 1,500 ล้านบาทในปี 2566-2567 เพื่อพัฒนาธุรกิจ 5 ด้าน ได้แก่ การรักษาทางไกล (Telehealth) ปัญญาประดิษฐ์ การจัดการข้อมูลเพื่อดูแลสุขภาพเชิงรุก การพัฒนาบริการ และการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญในการผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางทางการแพทย์ (Medical hub) ผ่านแผนพัฒนานวัตกรรมร่วมกับ Startup ไทยเพื่อคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านการแพทย์อีกด้วยโดยส่วนหนึ่งของเงินลงทุนดังกล่าวBDMS นำไปใช้เพื่อสนับสนุน Startup ไทยในระดับซีรีย์ A จนสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ใช้งานได้จริงในปีนี้
ดร.พัชรินทร์ บุญยะรังสรรค์ ผู้ช่วยประธานฝ่ายนวัตกรรมองค์กรยั่งยืน บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นต่อแนวทางการพัฒนาของ BDMS ว่าจะสอดคล้องกับเทรนด์โลกยุคปัจจุบันที่ผู้คนสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว “การสร้างเครือข่ายทางสังคมเป็นเรื่องสำคัญที่ทาง BDMS มุ่งเน้นมาโดยตลอด นอกจากเราจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมภายในองค์กรแล้ว เรายังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล หน่วยงานด้านนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมด้วย องค์กรภาครัฐ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) พร้อมด้วย ภาคเอกชน สมาคม Thai Health Tech Startup ที่เปิดพื้นที่ให้เกิดการทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งสามารถนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการทางการแพทย์ที่เป็นเลิศต่อไป”
“โครงการที่ได้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมแล้ว ได้แก่ การสนับสนุนเงินลงทุนระดับ Series A ให้แก่Perceptraโครงการที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการอ่านผลเอ็กซเรย์สำหรับนักรังสีการแพทย์Mineedหรือ เข็มละลายได้ (Microneedle) เพื่อช่วยในการรักษา และไม่เป็นพิษกับร่างกายโดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ก่อนจะจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ต่อไป และแอปพลิเคชันอูก้า (OOCA) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานในการปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาแบบออนไลน์”ดร. พัชรินทร์ กล่าว
นวัตกรรมดังกล่าวนี้เกิดขึ้นมาจากโครงการ BDMS Startup Pitching ที่เป็นสื่อกลางสร้างเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการทางเทคโนโลยีด้วยการเปิดพื้นที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS ให้เป็นพื้นที่ทดลอง โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะยกระดับมาตรฐานการบริการทางการแพทย์ของประเทศไปสู่ Smart healthcare ในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ ยังมีโปรเจคที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกในปีนี้ เช่น Sukha ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาการผลิตพลาสเตอร์ปิดแผลซึ่งมีคุณสมบัติเป็นเซลลูโลสที่ใช้แทนพลาสติกแบบเดิม และช่วยสมานแผลได้ และการเปิดตัวแอปพลิเคชัน BeDee ที่จะให้บริการการพบแพทย์ และเภสัชกรแบบทางไกล หรือ Telehealth และ Tele-pharmacy รวมถึงการสั่งยา (Tele medicine) ซื้อหาสินค้าเวชภัณฑ์ (Health mall) และศูนย์ข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพ (Health Content) ซึ่งจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการด้านการแพทย์ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
“BDMS จึงมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการพัฒนา Health Tech ของไทย ที่สร้างโดยคนไทย เพื่อคนไทย เพราะการพัฒนานวัตกรรมไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยการทำงานเพียงลำพัง และ BDMS ก็เช่นกัน ที่ได้รับความร่วมมือทั้งจากภาครัฐ มหาวิทยาลัยการแพทย์ และบริษัท Startup ในการยกระดับบริการทางการแพทย์ทั้งการดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพจิต ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน และเราก็มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยยกระดับมาตรฐานสาธารณสุขไทยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป” ดร. พัชรินทร์ กล่าวทิ้งท้าย