IHG Hotels & Resorts หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมระดับโลก ประกาศลงนามสัญญาโรงแรมโวโค กรุงเทพฯ สุรวงศ์(voco Bangkok Surawong)ร่วมกับบริษัท ตวันนา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้นำด้านการลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย นำโดยคุณจรรย์สมรวัธนเวคิน ประธานในพิธีการลงนาม
ห้องพักทั้ง 242 ห้องของโรงแรม ตวันนา กรุงเทพฯจะได้รับการรีแบรนด์เป็นโรงแรม โวโค กรุงเทพฯ สุรวงศ์ ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2568 ภายหลังจากการปรับปรุงเสร็จสิ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์และความสนุกสนานตามแบบฉบับของโรงแรมโวโค
คุณ เสาวรินทร์ จันทร์ประกายสี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี ไอเอชจีกล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท ตวันนา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด ในการลงนามสัญญาบริหารฉบับที่สองภายใต้แบรนด์โรงแรมโวโคในประเทศไทย
“กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสูงถึง 25 ล้านคนและประเทศไทยก็ถือเป็นตลาดที่สำคัญของIHG โดยเป็นตลาดที่เรามักเลือกใช้ในการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ อาทิHoliday Inn Express, Hotel Indigo, Staybridge Suites, Kimpton Hotels & Restaurant รวมไปถึงแบรนด์ล่าสุดอย่าง Vignette Collection ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา และความสำเร็จจากการเปิดตัวที่กล่าวมานี้เอง ได้นำไปสู่การลงนามสัญญาและการเปิดตัวโครงการอีกหลายแห่งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย
“ที่ IHG เรามองเห็นถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้นของการสร้างยอดขายอย่างหัวใจสำคัญของแบรนด์โรงแรมโวโคที่ช่วยดึงดูดกลุ่มเจ้าของโรงแรม คือความสะดวกรวดเร็วในการเข้าร่วมกับระบบของIHG เพื่อเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการเป็นเครือโรงแรมระดับโลก รวมถึงช่วยเพิ่มผลตอบแทนสูงสุดให้กับโรงแรมอีกด้วย โดยเราคาดหวังที่จะนำเอาแนวความคิดที่มีความใส่ใจและความน่าดึงดูดของโรงแรมโวโคมาสู่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังกรุงเทพฯ”
คุณพิริยา เทพกาญจนา กรรมการบริหาร บริษัท ตวันนา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “เราต้องการสร้างพอร์ตโฟลิโอของโรงแรมที่มีคุณภาพ และเป็นที่ชื่นชอบของแขกผู้เข้าพัก รวมไปถึงมอบประสบการณ์การเข้าพักที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร ซึ่งเรามองเห็นความสำเร็จของการเปิดตัวโรงแรมโวโคในประเทศต่างๆที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ในย่านกังนัมของกรุงโซล หรือในเมลเบิร์นและสิงคโปร์ อีกทั้งการมอบประสบการณ์และความสนุกสนานซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมนี้ ยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทางในประเทศที่ต้องการเดินทางมายังย่านที่คึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างย่านสุรวงศ์
“การร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการร่วมมือที่สมบูรณ์แบบเนื่องจากIHG ได้ก่อตั้งและมีการลงทุนในประเทศไทยมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ทำให้มีความเชี่ยวชาญในตลาดประเทศไทยเป็นอย่างดีรวมถึงมาตรฐานขององค์การระดับโลกที่ดีที่สุด เราจึงมองว่าปัจจัยเหล่านี้จะมีส่วนช่วยให้โรงแรมแห่งใหม่ของเราประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน”
โรงแรม โวโค กรุงเทพฯ สุรวงศ์ ตั้งอยู่ใจกลางย่านที่คึกคักอย่างย่านสุรวงศ์ โดยอยู่ใกล้กับย่านสีลมและสาทร ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ดีที่สุดสำหรับแขกผู้เข้าพัก เนื่องจากอยู่ใกล้กับร้านอาหารยอดนิยมมากมาย รวมไปถึงแหล่งช้อปปิ้ง สถานบันเทิง และสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างเช่นสวนลุมพินี
สามารถเดินทางมาจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิได้โดยใช้เวลาขับรถเพียง 40 นาที พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโรงแรมมากมายไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารและบาร์ 2 แห่ง ห้องประชุมกว่า 500 ตารางเมตร สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ฟิตเนส และโซนคิดส์คลับ
โรงแรมโวโค เป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมที่เติบโตเร็วที่สุดของ IHG ซึ่งได้รับการออกแบบให้โดดเด่น พร้อมมอบประสบการณ์ทางเลือกที่แตกต่างให้แก่แขกผู้เข้าพัก โดยชื่อของแบรนด์มีต้นกำเนิดมาจากภาษาละติน ซึ่งแปลว่า ‘เชื้อเชิญ’ และ ‘ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน’ ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดของแบรนด์ที่เน้นความเอาใจใส่ความน่าดึงดูด และมีเสน่ห์
นับตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์ในทั่วโลกในปี 2561 โรงแรมโวโค ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 41 แห่ง และอยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 34 แห่ง อีกทั้งโรงแรมโวโคยังได้นำเสนอประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยมให้แก่แขกผู้เข้าพัก ผสมผสานความเป็นกันเองและเสน่ห์ของโรงแรมแต่ละแห่งเข้ากับคุณภาพ และมาตรฐานของแบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับโลก
โรงแรม โวโค กรุงเทพฯ สุรวงศ์เป็นโรงแรมภายใต้แบรนด์โวโคแห่งที่สองในกรุงเทพฯ นับจากการเปิดตัวของโรงแรม โวโค กรุงเทพฯ สุขุมวิท11 และยังมีโรงแรมในประเทศอื่นๆที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด อย่าง voco Seoul Gangnam, voco Melbourne Central,voco Nanjing Garden Expo และ voco Chicago Downtown อีกด้วย
ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับ IHG โดยมีโรงแรมกว่า 30 แห่ง* จาก 9 แบรนด์ในประเทศ และอีก 36 แห่งที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยบริษัทยังคงตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวด้วยเป้าหมายการเพิ่มอสังหาริมทรัพย์จากทุกแบรนด์ในประเทศเป็นสองเท่าในปี 2569
* ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565