บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (“CHASE”) บริษัทชั้นนำที่ให้บริการติดตามทวงถามและบริหารหนี้เสีย (AMC) ที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก 21 กุมภาพันธ์นี้ หลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน แห่จอง IPO อย่างล้นหลาม สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพที่โดดเด่นของ เชฎฐ์ เอเชีย ในอุตสาหกรรม AMC โดยมีคุณประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้คร่ำหวอดในวงการกว่า 30 ปี นำทีมผู้บริหารแกร่งและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการเงินและกฎหมาย รวมถึงมี Strategic Partner ที่สำคัญอย่าง RS Group จึงทำให้ ปัจจุบัน เชฎฐ์ เอเชีย มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคุณประชา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (“RS”) ซึ่งจะถือหุ้นประมาณ 51% และ 20% ตามลำดับ ทั้งนี้ คุณประชา และ เฮียฮ้อ-คุณสุรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ อาร์เอส กรุ๊ป ยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นและคงสัดส่วนการถือหุ้นใน เชฎฐ์ เอเชีย ต่อไปแน่นอน ด้วยมั่นใจว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจที่สามารถทำร่วมกันได้อีกมากในอนาคต
คุณประชา ชัยสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ ผมเชื่อมั่นในการทำงานของคณะผู้บริหารและทีมงานว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้ เชฎฐ์ เอเชีย ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ AMC ที่สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในช่วงน่าลงทุนซื้อหนี้มาบริหารเพิ่ม ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจขาขึ้นจะส่งผลให้อัตราความสำเร็จในการเก็บหนี้มีมากขึ้น ด้วยปัจจัยหนุนต่างๆ จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผลประกอบการสามารถโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวย้ำว่า “ตั้งแต่ในปี 2564 ที่ อาร์เอส กรุ๊ป ได้เข้าการลงทุนในบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) (CHASE) เราได้ทำงานร่วมกันอย่างหนักเพื่อขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ร่วมกัน โดยเล็งเห็นว่าหลังจากเข้าระดมทุน IPO แล้วยังมีโอกาสทางธุรกิจระหว่าง เชฎฐ์ เอเชีย และ อาร์เอส กรุ๊ป ที่จะร่วมมือกันอีกมาก เรามั่นใจศักยภาพของ เชฎฐ์ เอเชีย ในฐานะผู้นำการให้บริการบริหารจัดการหนี้สินอย่างครบวงจร ผสานกับโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่งของอาร์เอส กรุ๊ป จะทำให้เกิดการเติบโตร่วมกันในหลายมิติ อาทิ การยกระดับการให้บริการลูกค้า กลยุทธ์การทำตลาด การขยายฐานลูกค้า และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ทั้งนี้ ยืนยันว่าหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทางอาร์เอส กรุ๊ป จะคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้น 20.35% เพื่อเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Investment) ในระยะยาว นักลงทุนของ เชฎฐ์ เอเชีย จึงสามารถมั่นใจได้ว่าหุ้นของเชฎฐ์จะมีเสถียรภาพ จากการเติบโตของผลประกอบการหลัง IPO รวมถึงปริมาณ Free Float ของหุ้นที่จำกัด ประกอบกับหุ้นนอก Silent ทั้งหมดจำนวน 331 ล้านหุ้นเป็นของอาร์เอส กรุ๊ป ดังนั้นจะไม่มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น เชฎฐ์ เอเชีย ออกมาในตลาดหลัง IPO”
คุณประชา ได้กล่าวปิดท้ายว่า “การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นจุดเริ่มต้นในการปูรากฐานให้ เชฎฐ์ เอเชีย ขยายธุรกิจได้อย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งเราวางแผนที่จะขยายทั้งธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) และธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สิน (Collection) อย่างก้าวกระโดด เราตั้งเป้าที่จะซื้อ NPLs ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสินทรัพย์ NPLs ในพอร์ต พร้อมขยายทีมเร่งรัดติดตามหนี้สินเพื่อรองรับความต้องการในการติดตามทวงถามหนี้ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในอนาคต”