THANA บนเส้นทาง “เติบโต แตกไลน์ น่าอยู่ ยั่งยืน”

THANA ก้าวแกร่งด้วยการขับเคลื่อนกลยุทธ์สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เสริมความแข็งแกร่ง ด้วยพันธมิตรจากกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นอย่าง อนาบูกิ โคซัน ส่งให้ปีที่ผ่านมาท็อปฟอร์มยอดขาย/รายได้ทะลุเป้ากว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิด 4 โครงการ มูลค่ากว่า 3,300 ล้านบาท ลงทุนข้ามโซนจากนนทบุรีสู่ทำเลใหม่ย่านบางนา หวังขยายฐานกลุ่มลูกค้า และพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ตั้งเป้ายอดขาย/รายได้ปีนี้เติบโตประมาณ 30% เตรียมแผนขยับพอร์ตลุยธุรกิจใหม่บริการลิฟวิ่ง โซลูชั่น และเวลเนส ตอบโจทย์การเติบโตน่าอยู่ยั่งยืน

นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THANA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจที่บริษัทยึดมั่นพันธกิจสู่การเติบโตน่าอยู่ยั่งยืนว่า

“ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตในเชิงตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตอย่างสมดุล ความน่าอยู่และยั่งยืน พร้อมด้วยการพัฒนาโครงการที่ต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตรกลุ่มต่างๆ และการขยายธุรกิจ อย่าง บริการลิฟวิ่ง โซลูชั่น (Living Solutions) ที่มุ่งเน้นบริการที่เข้าถึง เข้าใจตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง และธุรกิจเวลเนส (Wellness) ให้สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคและสภาวะของตลาด เพื่อเร่งหาโอกาสทางธุรกิจที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ไม่ได้ต้องการแค่ฟังก์ชั่นของบ้าน แต่ต้องการบ้านที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย มุ่งมั่นส่งมอบบ้าน และ “สังคมน่าอยู่” ให้เหมาะกับคนทุกวัย”

นายจรัญ เกษร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (THANA) ได้กล่าวเสริมถึงปัจจัยที่ส่งผลให้การเติบโตในเชิงตัวเลขของยอดขายและรายได้เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้นั้นมาจากการดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์ THANA GREEN เน้นตอบโจทย์ความคุ้มค่า ควบคู่คุณภาพในทุกโครงการที่พัฒนา เพื่อการอยู่อาศัย และการใช้ชีวิต ในสังคมแห่งการแบ่งปัน ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อม อันเป็นแนวคิดหลักของการทำธุรกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่เชิงตัวเลข ควบคู่ไปด้วยคุณค่าของการอยู่อาศัยในแนวทาง “Total Green Real Estate Development – Service”

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนผ่านผลประกอบการที่เติบโตทั้งยอดขาย และรายได้ โดยในปี 2565 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 1,422 ล้านบาท ขณะที่รายได้ก็เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 1,024 ล้านบาท และประสิทธิภาพการทำกำไรสุทธิกว่า 12% มากกว่าปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว ส่วนปี 2566 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อนประมาณ 30% โดยเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท และเป้ารายได้อยู่ที่ 1,300 ล้านบาท  ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และขาย 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 198 ล้านบาท (สิ้นเดือน ธ.ค. 2565)

ส่วนแผนการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปี 2566 นั้น กล่าวว่ายังคงเน้นที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบลักษณะบ้านเดี่ยว, บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์  เบื้องต้นมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ รวมมูลค่า 3,300 ล้านบาท  ทั้งนี้ โครงการที่เปิดใหม่นั้นนอกจากจะอยู่ในทำเลแถวนนทบุรีแล้ว ยังได้ขยายตัวสู่ทำเลอื่นที่มีศักยภาพ และมีความต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริงโดยเฉพาะทำเลย่านบางนา โดยมุ่งหวังขยายฐานกลุ่มลูกค้า และพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ (Segment) ตอบโจทย์แผนการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า ปีละ 30% ซึ่งรวมทั้งการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัย (คอนโดมิเนียม) เพื่อรองรับแผนการเติบโตด้านรายได้ โดยกลุ่มเป้าหมายคนเจนใหม่วัยทำงานระดับกลาง-ล่าง ที่ต้องการอยู่อาศัยจริงเป็นบ้านหลังแรก

“เรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแรงอย่าง อนาบูกิ โคซัน มีทีมบริหารที่มีศักยภาพ และเป็นมืออาชีพที่คร่ำหวอดในวงการมาเสริมความแข็งแกร่งขององค์กร ความพร้อมเหล่านี้ทำให้เรามีความเชื่อมั่นว่า ในอนาคตธนาสิริจะมีย่างก้าวที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน (Return on Sustainability) เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย” นายจรัญ  กล่าว

นายสุทธิรักษ์ กล่าวย้ำถึงปัจจัยที่ส่งให้ธนาสิริมีก้าวต่อไปที่เติบโตน่าอยู่ยั่งยืน “เนื่องจากบริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้าที่ไม่ใช่เพียงการพัฒนาบ้านที่มีคุณค่า แต่ให้ความสำคัญในมิติของคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดระยะเวลาการเป็นลูกค้า ภายใต้พันธกิจ “Lifetime Total Living Solution” รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สังคม และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development  : ESG) ที่สร้างสมดุลของผลประกอบการในเชิงตัวเลข เพื่อเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า เพื่อนบ้านข้างเคียง  สังคม และร่วมลดผลกระทบและพัฒนาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ด้าน”