กว่า 3 ปีที่โลกต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจและทุกอุตสาหกรรมไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจเพลงที่ได้รับผลกระทบหนักทั่วโลกแต่สำหรับ GMM MUSICซึ่งปรับตัวได้อย่างรวดเร็วด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงสร้างการเจริญเติบโตฝ่าวิกฤตโควิดส่งผลให้ในปี 2565 ที่ผ่านมาGMM MUSICทำรายได้รวมสูงถึง 3,043ล้านบาท มีกำไร 355 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นของรายได้ที่67%
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 มาอย่างยาวนาน และยังเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ต้องหยุดจัดงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ แต่ GMM MUSICก็โชว์ศักยภาพสร้างการเติบโตแบบสวนกระแส เป็นผลมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ที่ถือได้ว่าเป็นธุรกิจสำคัญของแหล่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งชี้ถึงโอกาสของการเจริญเติบโตในระยะยาว ประกอบด้วย
- ธุรกิจ Digital Businessในปี 2565 มียอดรายรับที่ 1,089 ล้านบาท
- ธุรกิจRight Management Businessในปี 2565 มียอดรายรับที่236ล้านบาท
และเมื่อได้รับโอกาสสืบเนื่องจากการที่ภาครัฐมีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ตลอดจนการเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อธุรกิจหลักให้ฟื้นตัว สามารถกลับมาจัดกิจกรรมต่างๆทางการตลาดได้เพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าธุรกิจShowbiz และธุรกิจ Live Show สามารถกอบกู้สถานการณ์ของบริษัทฯในเชิงบวกให้ดีขึ้น แม้มีระยะเวลาการจัดงานเพียง
7 เดือน
- ธุรกิจ Showbiz สร้างยอดรายรับที่ 542ล้านบาท
- ธุรกิจ Live Show สร้างยอดรายรับที่ 410 ล้านบาท
นอกจากผลงานด้านธุรกิจของ GMM MUSICที่เติบโตสร้างผลกำไรให้อย่างเป็นรูปธรรม ยังมีอีกหนึ่งส่วนที่เติบโตอย่างเห็นชัดเจนก็คือกลุ่มมิวสิคคอนเทนต์(การผลิตเพลงและศิลปิน)ที่สร้างการเติบโตผ่านความร่วมมือกับทุกแพลตฟอร์มดิจิทัลที่คนไทยนิยมใช้ฟังเพลงสามารถนำคอนเทนต์ที่ผลิตขึ้นให้เกิดความประทับใจสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงและตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
จึงทำให้ในปี2565 ที่ผ่านมา GMM MUSIC มียอดการสตรีมทั้งหมด 14,000 ล้านการสตรีมเกิดจากการสร้างเพลงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 404 เพลง โดยแบ่งออกเป็น30 อัลบั้ม, 153 ซิงเกิล, 44 เพลงประกอบภาพยนตร์ และ 48 เพลงคัฟเวอร์ อีกทั้งถูกนำไปสร้างและแชร์เป็นเพลย์ลิสต์จำนวน3,817 เพลย์ลิสต์ ซึ่งเพลงใหม่ทั้งหมดนั้นสร้างการสตรีมจำนวน2,150 ล้านการสตรีม คิดเป็น 16% ของการฟังเพลง GMM MUSIC ทั้งหมดซึ่งสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยการสตรีมเพลงใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลก โดยมียอดการสตรีมอยู่ที่ประมาณ15% หากแยกประเภทของแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในการฟังของ GMM MUSIC3 อันดับแรก คือ เพลงร็อก 40% เพลงลูกทุ่ง 32% และเพลงป๊อป14%
นอกจากนี้ในปี 2565 เพลงและศิลปินของ GMM MUSICยังคงครองใจแฟน ๆ ได้อย่างเหนียวแน่น ทำให้มีเพลงยอดนิยมเข้าไปติดอันดับชาร์ตเพลงของแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ และยังเป็นปีของการแจ้งเกิดศิลปินใหม่ครบทุกแนวเพลง ทั้งป๊อป ร็อก และลูกทุ่งอีกด้วยทั้งนี้ภาพรวมความสำเร็จทางด้านการผลิตสามารถสรุปได้โดยย่อในหลากหลายมิติ ดังนี้
- Year of New Age Artist
GMM MUSIC ได้สร้างปรากฏการณ์แห่งการแจ้งเกิดของศิลปินใหม่ทั้งสาขา ป๊อป ร็อกและลูกทุ่ง ไม่ว่าจะเป็นศิลปินPaper Planes, Three Man Down, Tilly Birds, ไททศมิตร, โจอี้ ภูวศิษฐ์, Monica, เวียง นฤมล, เบียร์ พร้อมพงษ์, เบล นิภาดา และ New Country
- Year of Recruitment
การเฟ้นหาศิลปินใหม่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน GMM MUSICใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า100ล้านบาท เพื่อการคัดสรรและฝึกสอนโดยมืออาชีพอย่าง GMM ACADEMY ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากน้อง ๆ กว่า 10,000 คนในส่วนของ YG”MMที่เปิดรับสมัครในปีที่ผ่านมาก็มียอดผู้สมัครถล่มทลายกว่า 9,000 คน ทั้งนี้ การสร้างศิลปินใหม่ของ GMM MUSIC มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพให้กับศิลปินรุ่นใหม่ให้มีทักษะและความสามารถที่สามารถแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับสากล
- Top 100 Thai Songs of The Year
GMM MUSIC เป็นค่ายเพลงที่มีเพลงฮิตติด Thailand Billboard Chart มากที่สุดถึง 37%ครองความเป็นค่ายเพลงอันดับ 1 ที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตมากที่สุด
- Top Performance on YouTube
มนต์แคน แก่นคูน ยังรั้งแชมป์ศิลปินลูกทุ่งขวัญใจมหาชนที่มียอดการสตรีมรวมใน YouTube ประเทศไทยสูงสุดถึง
3 ปีซ้อน กว่า 800 ล้านวิว
- Top Performance onTikTok
Paper Planes เจ้าของเพลงฮิตอย่าง ‘ทรงอย่างแบด’ กับที่สุดของสถิติ1,000 ล้านวิว ตามมาด้วยศิลปินลูกทุ่งหญิง กับ หญิงลีเจ้าของเพลง ‘คาเฟอีน’เพลงติดหูและเพลงเต้นแห่งปีกับสถิติ400 ล้านวิว และกลุ่มศิลปินลูกทุ่งหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง New Country กับเพลง ‘Stand by หล่อ’ ที่ทำลายทุกสถิติด้วยยอดวิว200 ล้านวิวภายในเวลาอันสั้นบนแพลตฟอร์ม TikTok
และวันนี้ GMM MUSIC ได้เปิดทิศทางการดำเนินธุรกิจ ปี2566 ตั้งเป้ารายได้โต25% เน้นการเติบโตทุกส่วนธุรกิจเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม และสร้างโอกาสขยายตัวธุรกิจใหม่ เพื่อตอกย้ำการเป็น MUSIC INFRASTRUCTURE อันดับ 1 พร้อมเน้น5 Core Focusเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญพร้อมนำพาทุกธุรกิจของ GMM MUSIC พุ่งทะยานไปสู่เป้าหมายการสร้างรายได้3,800 ล้านบาทในปี2566 นี้อย่างที่ตั้งไว้
- Core Focus ของ GMM MUSIC ได้แก่
- Entertainment Data Intelligence
- คือการลงทุนแพลตฟอร์มด้าน Big Data เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ GMM MUSICไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ฝ่ายShowbiz หรือ ฝ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
- GMM MUSICได้ลงทุนในการใช้ Machine Learning และ AI เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของแฟนเพลง ศิลปิน แบรนด์สินค้า ตลอดจนสื่อทุกแขนงที่มีความเกี่ยวพัน นำไปสู่ความแม่นยำอันสูงสุดในการเลือกใช้ศิลปิน การหาความสัมพันธ์ด้านต่างๆกับแบรนด์สินค้า หรือสื่อและอินฟลูเอนเซอร์ที่หลากหลายตลอดจนนำไปสู่เรื่องของการทำ Data Predictionที่สามารถมองเห็นความต้องการและปริมาณการซื้อบัตรในShowbiz สาขาต่างๆได้อย่างแม่นยำก่อนการขาย
- ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ที่GMM MUSICจะเดินหน้าขยาย Music Data สู่ Personalization Commerce ในเร็ววันนี้ และจะเติบโตสู่การเป็น Entertainment Big Data ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด
- 1 Music Performance in Thai Market
- สร้างสรรค์และจัดวางแบรนด์ศิลปินให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
- ขยายกำลังการผลิตเพลงเพิ่มเป็น500 เพลง32 อัลบั้ม160 ซิงเกิล5,000 เพลย์ลิสต์ ต่อปี
- รักษามาตรฐานการเป็นค่ายเพลงที่มียอดการสตรีมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ทั้งจากเพลงใหม่และเพลงเก่า
- Rebuild The New Generation
- วางเป้าหมายในการสร้างศิลปินใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งศิลปินร็อก (New Rock Idol),
ศิลปินลูกทุ่ง(New Country Idol) และศิลปินป็อปไอดอล(New Pop Idol)พร้อมเดบิวต์สู่ตลาดมากกว่า15-20 ศิลปินใหม่
- สร้างเครือข่าย Recruitment ในการเฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด ผ่านความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา สถาบันสอน ร้อง-เต้น โมเดลลิ่งมิวสิคคอมมูนิตี้ โปรดิวเซอร์ และผู้จัดในสาขาต่างๆทั่วประเทศ โดยจะมีการคัดเลือกเข้า-ออกตลอดอย่างต่อเนื่องทั้งปีด้วยหลักสูตรที่เข้มข้นของ GMM ACADEMY
- Digital Crossover
- สร้างรายได้ให้เติบโตสูงสุดในกลุ่ม Digital Music ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน Digital Performance
- นำความเชี่ยวชาญต่อยอดในการสร้างPerformance ที่สูงขึ้นในทุกสื่อโซเชียลมีเดียของค่ายและศิลปิน
- เชื่อมโยงโอกาสระหว่าง Music Marketing, Music Optimization และ Music Playlist ให้เกิดการเติบโตทั้งด้านรายได้ และพฤติกรรมการฟังเพลงของผู้บริโภค
- 1 Showbiz in Thailand
- ยึด 7 จุด ยุทธศาสตร์ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ด้าน Music Festival – Indoor Concert ที่ดีที่สุด ใหญ่ที่สุด มีศิลปินมากที่สุด และมียอดผู้ชมมากที่สุด
- ขยายเข้าสู่โอกาสใหม่ในการสอดแทรกเข้าสู่งานเทศกาลประจำจังหวัด งานฮาโลวีน งาน LGBTQ+งานเทศกาลดนตรีระดับสากล คอนเสิร์ต และงานแฟนมีตติ้ง
GMM MUSICมีความเชื่อมั่นว่าการเติบโตที่ยั่งยืนคือหัวใจที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจในตอนนี้ GMM MUSICให้ความสำคัญในคุณค่าของศิลปิน ทีมงาน ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง และพนักงานทุกคนที่จะอยู่ในวิชาชีพที่มีแรงบันดาลใจและต้องการความมั่นคงในธุรกิจ บวกกับความพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่าง ๆ ค่ายนอก, โปรโมเตอร์, แพลตฟอร์ม,คู่ค้าทางธุรกิจ หรือแบรนด์สินค้าต่างๆ เพื่อที่จะมุ่งมั่นทำให้อุตสาหกรรมเพลงไทยเติบโตได้อย่างแข็งแรง ต่อเนื่องและยั่งยืน