“แสงอรุณ มนตรีวัต” ทายาทเจน 2 ร้าน “ไก่ทองออริจินัล” ลุยแตกแบรนด์ “อรุณ” จับกลุ่มคนรุ่นใหม่

คุยกับ “หนู – แสงอรุณ มนตรีวัต” ทายาทเจน 2 ของร้านไก่ทอง ออริจินัล จากคนที่ไม่ชอบทำอาหาร เคยผันตัวอยากเป็นตำรวจ แต่ต้องมาช่วยธุรกิจคุณแม่ ภารกิจเร่งสร้างแบรนด์เลี่ยงความสับสนกับ “ลูกไก่ทอง” แบรนด์พี่แบรนด์น้อง ล่าสุดแตกแบรนด์ “อรุณ” หวังจับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น  

เปิดตำนานร้านไก่ทอง

“ร้านไก่ทอง” เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องความต้นตำรับอาหารไทยแท้ๆ เรียกได้ว่าเป็นอาหารไทยสไตล์ออเรียลทอล มีจุดเริ่มต้นเพียงแค่ร้านเล็กๆ ในเมืองทองธานี ก่อตั้งโดย “อรุณี มนตรีวัต” จนถึงในปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 25 แล้ว พร้อมกับการนำทัพของทายาทรุ่นที่ 2 อย่าง หนู – แสงอรุณ มนตรีวัต  

แสงอรุณได้เข้ามาดูแลกิจการร้านไก่ทองได้ 13 ปีแล้ว เป็นกำลังสำคัญในการรีแบรนด์สู่ “ไก่ทอง ออริจินัล” เพื่อตอกย้ำความเป็นต้นตำรับจากสูตรของคุณแม่ แต่เดิมแสงอรุณไม่ได้สนใจธุรกิจของครอบครัวเท่าไหร่นัก ไม่ได้มีแพชชั่นกับการทำอาหาร ไม่ได้เรียนจบทางด้านอาหาร หรือบริหารมาด้วย แต่จบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์จากประเทศอังกฤษ หลังจากจบการศึกษาตอนแรกจะไปเป็นตำรวจ แต่ก็ได้มาช่วยกิจการคุณแม่ก่อน

อรุณี มนตรีวัต

แสงอรุณเริ่มเล่าว่า ตอนแรกคุณแม่ก็ไม่อยากให้ทำร้านอาหารเหมือนกัน เพราะมันหนัก ไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเองและครอบครัว แต่พอเราทำเหมือนได้รักษาสิ่งที่แม่ทำมา ดูแลสมบัติของคุณแม่ต่อ แต่ก่อนไม่ชอบทำอาหารเลย เพราะในห้องครัวมันเหม็น แต่พอมาทำจริงๆ ก็รักไปแล้ว ตอนทำแรกๆ ก็มีความท้าทายหลายอย่าง จากพนักงานที่ดูถูกว่าทำอาหารไม่เป็น ก็ต้องเอาชนะอุปสรรคตรงนี้ให้ได้ คุณแม่ก็สอนปนด่ามาตลอด 5 ปี กว่าจะลงตัว คุณแม่จะสอนเสมอว่าเทคนิกการทำอาหารแต่ละจานจะไม่เหมือนกันตลอด ไม่ใช่เรื่องการชั่งตวงวัดส่วนผสม แต่ต้องดูวัตถุดิบหน้างาน อย่างบางวันผักมีน้ำเยอะ ก็ต้องลดส่วนผสมอื่นๆ ลง

ร้านไก่ทองมีจุดเริ่มต้นจากคุณแม่อรุณีอยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง เนื่องจากตอนนั้นเป็นแม่บ้าน แล้วคุณพ่อทำงานที่การบินไทย ในตอนนั้นคุณพ่อไม่เห็นด้วยกับการเปิดร้านเท่าไหร่ คุณพ่อเลยตั้งชื่อร้านให้ว่าไก่ทอง เพราะคุณพ่อเกิดปีไก่ อีกทั้งคุณพ่ออยากให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นร้านส้มตำไก่ย่าง จะได้ปิดร้าน

สาขาเมืองทองธานี

เริ่มเปิดสาขาแรกที่เมืองทองธานี เพราะอยู่ใกล้บ้าน ตอนแรกเป็นแค่ห้องแถวเล็กๆ ห้องเดียว และค่อยๆ ขยับขยาย โดยคุณแม่อรุณีเป็นคนคิดค้นสูตรเอง และทำอาหารเองทุกจาน แต่เดิมลูกค้าของร้านไก่ทองจะเป็นกลุม่นักการเมือง ผู้บริหาร เพราะอยู่ใกล้โซนศูนย์ราชการ ศูนย์แสดงสินค้า จึงเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

รีแบรนด์เป็น “ไก่ทอง ออริจินัล” เลี่ยงสับสน “ลูกไก่ทอง”

จุดเปลี่ยนสำคัญของร้านไก่ทองก็คือ หลังจากที่แสงอรุณเริ่มเข้ามาบริหารอย่างเต็มตัวได้ทำการรีโนเวตร้านใหม่ พร้อมปรับลุคของร้านจากเดิมมีสไตล์จีนๆ ให้ดูโมเดิร์นขึ้น สากลขึ้น พร้อมกับปรับระบบต่างๆ ทั้งการบริหารหน้าร้าน และหลังร้าน

หลังจากที่ปรับระบบเข้าที่เข้าทาง ก้เริ่มขยายสาขาเข้าศูนย์การค้าเป็นครั้งแรก เริ่มจากเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ที่ได้เปิดสาขามา 7-8 ปีแล้ว แสงอรุณบอกว่าตอนแรกยังไม่คิดขยายสาขา แต่ทางเซ็นทรัลติดต่อมา แล้วมีพื้นที่ทำเลดี มองว่าในโซนนั้นก้มีกลุ่มลูกค้าของไก่ทอง และมีที่จอดรถสะดวก ซึ่งที่เมืองทองไม่ค่อยมีที่จอดรถเท่าไหร่

หลังจากเปิดสาขาที่เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ไม่นาน แสงอรุณก็เริ่มรีแบรนด์ร้านไก่ทอง เป็น “ไก่ทอง ออริจินัล” เพื่อเลี่ยงความสับสนกับร้าน “ลูกไก่ทอง” เพราะมีหลายคนมีความเข้าใจว่าเป็นร้านเดียวกัน เพราะมีโทนสี และเมนูใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนู “ปังชา” ที่เป็นเมนูขนมหวานขึ้นชื่อ

แต่จริงๆ แล้วร้านลูกไก่ทองเป็นร้านที่พี่ชายของแสงอรุณแยกไปทำเองส่วนตัว ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน แต่ไม่อยากให้ผู้บริโภคสับสนเรื่องแบรนด์ จึงพยายามเร่งสร้างแบรนด์ และสื่อสารกับผู้บริโภคให้หนักขึ้น

“ลูกค้าของร้านไก่ทองจะเป็นกลุ่มเฉพาะมากๆ โฟกัสที่นักกิน คนที่กินอาหารเป็น คนที่มาทานจะติดรสชาติที่เป็นออริจินัลจริงๆ มีคอนเซ็ปต์ 365 วันรสชาติเดียว ส่วนร้านลูกไก่ทองเป็นของพี่ชายแยกออกไปทำ จะเน้นลูกค้าชาวต่างชาติมากกว่า เราจึงพยายามทำให้ลูกค้าจำแบรนด์ให้ได้ ลดความสับสน มีการสื่อสารด้วยจดหมายบนโต๊ะอาหาร เป็นกลยุทธ์สไตล์คุณแม่ที่เน้นคุยกับลูกค้าโดยตรง”

25 ปี 4 สาขา ไม่น้อยไป เน้นคุณภาพ

ปัจจุบันร้านไก่ทอง ออริจินัล มีทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาเมืองทองธานี, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า และ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี หลายคนอาจจะคิดว่าเปิดมา 25 ปี มีแค่ 4 สาขา มันน้อยเกินไปหรือไม่?

แสงอรุณบอกว่า ด้วยความที่ร้านโฟกัสที่คุณภาพของวัตถุดิบ บางเมนูมีเสิร์ฟได้ไม่เยอะ พอขยายสาขาเยอะๆ ทำให้โฟกัสที่คุณภาพไม่ได้ พยายามรักษารสมือแม่ให้ได้มากที่สุด ตามคอนเซ็ปต์ที่ว่าหาทานที่อื่นไม่ได้

เมนูซิกเนเจอร์ของร้านไก่ทอง ออริจินัล ได้แก่ กระทงไก่ทอง, เคาหยก + หมั่นโถว, จี๊ผา, หมูทอดสูตรฮ่องกง, ตับทอดกระเทียมพริกไทย ได้รับรางวัล มิชลิน ไกด์ 3 ปีซ้อน ปี  2019, 2020, 2021, แกงป่าหมูชาบู, ปลากะพงฮันนี่, ราดหน้าฮ่องกงหมู และเชฟไอซ์ ดับเบิ้ลที ซิกเนเจอร์ (Shaved Ice Double Tea  Signature) เป็นต้น

เมนูที่เป็นไฮไลต์หนีไม่พ้น “ตับหมูทอดกระเทียมพริกไทย (สูตรฟัวกราส์ฝรั่งเศส)” เป็นเมนูยอดฮิตตลอดกาล ซึ่งมาตรฐานของร้านไก่ทอง ออริจินัล คือ ตับทุกจานที่จัดเสิร์ฟ เป็นตับสด คัดพิเศษจากหมูที่มีสุขภาพดีมากๆ ที่เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ หรือเรียกว่า “ตับหนึ่งในร้อย” ซึ่งใน 100 ตับ จะมีเพียง 1 ตับเท่านั้น ที่ตรงตามมาตรฐานของร้าน นั่นคือ สีตับสวย ตับนิ่ม และรายละเอียดอื่นๆ อีกมาก ซึ่งแต่ละสาขาจัดเสิร์ฟขึ้นโต๊ะได้เพียง 10-15 จานเท่านั้น ต้องมีการโทรมาจองล่วงหน้าถึงจะได้ทาน

แตกไลน์ธุรกิจใหม่ “อรุณ-ARUNN”

ล่าสุดแสงอรุณได้แตกแบรนด์ร้านใหม่ใช้ชื่อว่า ARUNN หรืออรุณ เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ต้นตำรับ แต่มีความโมเดิร์นขึ้น เน้นจับกลุ่มเป้าหมายคนเดินศูนย์การค้า และคนรุ่นใหม่ มีราคาย่อมเยากว่า เปิดสาขาแรกที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

ภายนอกของร้านอรุณอาจจะดูเหมือนคาเฟ่ร้านกาแฟ ที่มีกลิ่นอายความมินิมัล แต่ภายในเป็นร้านอาหารไทยมีมีสูตรเดียวกับไก่ทอง ออริจินัล เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าหลายเจเนอเรชัน

“โจทย์ครั้งนี้ต่างกับร้านไก่ทองตรงที่กลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน ลักษณะอาหารที่ชอบก็อาจจะต่างกันจึงชวนคุณแม่มาทำโปรเจกต์ที่เรียกได้ว่าก้าวออกมาจาก Comfort Zone โดยจุดเด่นคือ การคัดสรรวัตถุดิบ และรสชาติ รวมทั้งเมนูอาหารที่ต้องตอบโจทย์คนทุกวัยได้ เพราะคนที่มาเดินห้าง มีหลากหลายมาก ซึ่งครั้งนี้ ได้ร่วมกับคุณแม่ ในการคิดค้นเมนูและสูตรอาหาร เพื่อเน้นกลุม่คนรุ่นใหม่ ได้ทั้งอร่อย และถ่ายรูปสวย”

ส่วนที่มาของชื่อร้าน มาจากการผสมชื่อของคุณแม่ และลูก (อรุณี และแสงอรุณ) และสะท้อนถึงแนวคิดที่เชื่อมโยงกับไก่ทอง ออริจินัล เพราะไก่มักจะขันในตอนพระอาทิตย์ (อรุณ) ขึ้น เป็นการเชื่อมโยงจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย

สำหรับแผนในปีนี้จะเน้นขยายสาขาที่ร้านอรุณ ส่วนร้านไก่ทอง ออริจินัลจะโฟกัสที่ 4 สาขาเป็นหลัก