บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจร เผยผลประกอบการทั้งกำไรและรายได้ทุบสถิติต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีรายได้ 267 ล้านบาท เติบโตถึง 140% (YoY) เป็นผลมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากบริการหลักและบริษัทในเครือ รวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนที่สูงมากกว่า 10 ล้านบาท แถมตุน Backlog แน่น (ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566) มูลค่ากว่า 854 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มาจากบลูบิค 745 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุนอีก 109 ล้านบาท โดยในส่วนของบลูบิคเตรียมรับรู้รายได้ในปีนี้ถึง 559 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567 – 2571 ในขณะที่บริษัทร่วมทุนจะรับรู้รายได้ทั้งหมด 109 ล้านบาทในปีนี้
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาสแรกของปี 2566 ยังสามารถเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ ทั้ง ๆ ที่การรวมงบการเงินของบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท วัลแคน ดิจิทัล เดลิเวอรี่ จำกัด (Vulcan) และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz) ยังเข้าไม่เต็มไตรมาส ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนี้เป็นผลจากความต้องการใช้เทคโนโลยีเพื่อรับมือปัญหาเศรษฐกิจและสร้างแต้มต่อทางธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง
“สำหรับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของบลูบิคออกมาเป็นที่น่าประทับใจ แม้การรับรู้รายได้จาก Vulcan และ Innoviz จะยังไม่เต็มไตรมาส แต่นับจากไตรมาส 2 เป็นต้นไปจะมีการบันทึกรวมงบการเงินของทั้ง 2 บริษัทย่อยแบบเต็มไตรมาส อีกทั้งเมื่อผนวกกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการส่งมอบโครงการขนาดใหญ่ เชื่อว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 2 มีโอกาสเติบโตอีกอย่างมาก ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการปี 2566 เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่ 120%” นายพชร กล่าว
บริษัทฯ ระบุว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเติบโต สวนทางกับภาพรวมเศรษฐกิจ เพราะเทคโนโลยีสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อีกทั้งยังสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจ ใหม่ ๆ ได้ ส่งผลให้ทุกกลุ่มบริการหลักของบริษัทฯ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกันกับรายได้จากต่างประเทศที่สามารถขยายงานและเติบโตตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ กำลังศึกษาตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตโดยเฉพาะตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสูง
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 23.4% และกลุ่มบริษัทมีการยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมซึ่งคาดว่า Vulcan จะได้รับอนุมัติภายในปีนี้และ Innoviz ในปีหน้า ซึ่งจะส่งผลบวกต่ออัตรากำไรสุทธิในปี 2567
ในปีนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญในเรื่องการประสานการทำงานร่วมกันกับบริษัทย่อยทั้ง Vulcan และ Innoviz โดยมีเป้าหมายปรับเพิ่ม Utilization Rate ของพนักงาน เพื่อรองรับงานขนาดใหญ่และการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรุกเข้าสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม หรือ Green Tech ที่บริษัทฯได้วางแผนร่วมมือกับบริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2 และ ธุรกิจ Corporate Training ที่มุ่งพัฒนาและยกระดับศักยภาพ ด้านดิจิทัลให้กับองค์กรธุรกิจผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยกับสื่อออนไลน์อันดับหนึ่งอย่าง The Standard ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยต่อยอดบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของบลูบิคให้ครบวงจรมากขึ้น
“แม้ว่ากระแสการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในประเทศยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ด้วยการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันการให้บริการของบลูบิคสามารถครอบคลุมทั้งตลาดอาเซียน ยุโรป และกำลังเตรียมรุกเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าต่างประเทศ พิสูจน์ให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญและมาตรฐานคุณภาพงานระดับสากล รวมถึงศักยภาพและความพร้อมในการแข่งขันสู่ระดับโลกอย่างเต็มตัว” นายพชร กล่าวปิดท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ Website : www.bluebik.com หรือติดตามข่าวสารผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ที่ Facebook Page : Bluebik Group และ LinkedIn : Bluebik Group