ซัมซุงประกาศวิสัยทัศน์ “Bespoke Life2023” มุ่งมั่นปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้บริโภคด้วยความยั่งยืน การเชื่อมต่อ และดีไซน์

ซัมซุงนำเสนอยุคใหม่ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและผลิตภัณฑ์กลุ่ม Bespoke รุ่นล่าสุด ในงาน Bespoke Life 2023 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ของปี เผยวิสัยทัศน์ของ “Bespoke Life” ที่ซัมซุงขยายขอบเขตการยกระดับวิถีชีวิตของผู้ใช้ด้วยความยั่งยืน การเชื่อมต่อและดีไซน์

ซัมซุงแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้บ้านและอนาคตของทุกคนมีความยั่งยืนมากขึ้นโดยอาศัยการสร้างนิยามใหม่ให้เครื่องใช้ ไฟฟ้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน จองฮี ฮาน (JH Han) รองประธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างประสบการณ์ลูกค้า (DX – Device eXperience) ของซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าว “การนำเสนอตัวช่วยผสานความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ที่จะให้ผู้ใช้ ‘ปรับแต่ง’ ชีวิตของพวกเขาเข้ากับผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ของซัมซุงที่จะช่วยเติมเต็มให้ทุกคนมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืน เชื่อมโยงได้ และมีสไตล์มากกว่าเดิม”

ชีวิตที่ยั่งยืน – เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อสร้างผลเชิงบวก

แนวคิดหลักของวิสัยทัศน์ Bespoke Life ถือกำเนิดจากความเชื่อว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเป็นหัวใจหลักเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ดังนั้น งาน Bespoke ประจำปีนี้ จึงเน้นนำเสนอความตั้งใจของซัมซุงเพื่อจะลดการปล่อยคาร์บอนตลอดอายุการใช้งานของ ผลิตภัณฑ์ ซัมซุงยังนำเสนอตัวฟิลเตอร์ Less Microfiber™รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นโซลูชั่นอันเรียบง่ายเพื่อลดการปล่อยไมโครพลาสติก ลงสู่น้ำในระหว่างขั้นตอนการซักผ้า

ซัมซุงใส่ใจในทุกขั้นตอน ตลอดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ นับตั้งแต่ ขั้นตอนการสรรหาวัสดุต่างๆ ขั้นตอนการผลิต การจัดจำหน่าย การใช้งานไปจนถึงการรีไซเคิล เพื่อช่วยลดทั้งการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตัวอย่างแนวทางที่ซัมซุงใช้เพื่อรีไซเคิลทรัพยากรต่างๆ ให้มากขึ้น ได้แก่ การสร้างและดำเนินงานศูนย์รีไซเคิลแบบวงจรปิด (closed-loop recycling center) การใช้วัสดุไบโอพลาสติกจากน้ำมันเหลือใช้ เป็นส่วนประกอบของกล่องจัดเก็บในตู้เย็นกลุ่ม Bespoke และการประยุกต์นำวัสดุที่รีไซเคิลจากอวนมาใช้ให้มากขึ้น หลังจากการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เสร็จสิ้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของซัมซุง โดยซัมซุงได้ดำเนินการเปลี่ยนจากการใช้เทปพลาสติกและลวด มาเป็นกระดาษแล้วในช่วงต้นปีนี้

ซัมซุงยังคงมุ่งมั่นขยายพื้นที่การให้บริการต่างๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น เพื่อช่วยสร้างวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ในช่วงขั้นตอนการใช้งานผลิตภัณฑ์ นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ในปีนี้ซัมซุงนำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านกลุ่ม  Bespoke ใหม่ 5 กลุ่มที่มีระบบ SmartThings AI Energy Mode รุ่นอัปเกรด ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าและเครื่องปั่นผ้า เครื่องล้างจาน เครื่องปรับอากาศ และระบบทำความร้อน Eco Heating System โดยระบบนี้จะสามารถใช้งานได้ในประเทศต่างๆ 65 ประเทศในอนาคตอันใกล้[1]

นอกเหนือไปจากการลดการปล่อยคาร์บอนและการใช้พลังงาน ซัมซุงยังมีบทบาทเชิงรุกด้านการลดมลภาวะจากไมโครพลาสติก หลังจากการพัฒนาโหมดการซักผ้าที่สามารถลดการปล่อยไมโครพลาสติกลงได้มากถึงร้อยละ  54[2] ซัมซุงและพาทาโกเนียผสานความร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อนำเสนอฟิลเตอร์ Less Microfiber™โดยตัวกรองดังกล่าวนี้สามารถดักจับเศษไมโครพลาสติกจากกระบวนการซักได้มากถึงร้อยละ 98[3] ดังนั้น หากซักผ้าที่มีน้ำหนัก 2 กิโลกรัมเป็นเวลา 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ตัวกรองจะลดการปล่อยไมโครพลาสติกลงได้ 132 กรัมต่อคนต่อปี หรือเทียบเท่ากับน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกขนาด 500 มิลลิลิตรจำนวน 8 ขวด ขณะนี้ฟิลเตอร์ Less Microfiber™มีวางจำหน่ายแล้วในเกาหลีใต้และสหราชอาณาจักร และจะวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ต่อไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

วิถีชีวิตที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกัน – ก้าวสู่ยุคที่ทุกอุปกรณ์ในบ้านเชื่อมโยงกันได้อีกระดับ

การ “ปรับแต่ง” วิถีชีวิตของผู้ใช้แต่ละคน ยังครอบคลุมถึงการปรับแต่งอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนและช่วยให้กิจวัตรประจำวันเป็นไปโดยง่ายขึ้น ซัมซุงกำลังบุกเบิกแนวคิดของยุคที่ทุกอุปกรณ์ในบ้านเชื่อมโยงกันได้ไปอีกขั้นโดยอาศัยการพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ด้านการเชื่อมต่อในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์และการขยายการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ มากขึ้น

การผสาน SmartThings ที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Bespoke สามารถมอบประสบการณ์การทำงานในบ้านได้แบบอัตโนมัติและไร้รอยต่อ โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ จะสามารถเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้และนำเสนอโหมดการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน โดยอ้างอิงจากการตั้งค่าด้านสมาร์ทโฮมและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ใช้ ซัมซุงยังประกาศว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่ม Bespoke ทุกรุ่นนับจากนี้จะรองรับการเชื่อมต่อ WiFi และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่นๆ ของซัมซุงก็จะรองรับการเชื่อมต่อ WiFi เป็นคุณสมบัติมาตรฐานในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้ผู้บริโภคสัมผัสประสบการณ์การเชื่อมโยงทุกอุปกรณ์ได้มากขึ้น

ในโอกาสเดียวกันนี้ ซัมซุงยังภูมิใจเสนอเครื่องดูดฝุ่น Bespoke Jet™ AI เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบด้ามจับที่ทรงพลังที่สุดเท่าของ  ซัมซุง[4] อีกทั้งยังเป็นเครื่องดูดฝุ่นรุ่นแรกของโลกที่มีคุณสมบัติด้านปัญญาประดิษฐ์ซึ่งผ่านการรับรองจาก UL (Underwriters Laboratories) Solutions  องค์กรอิสระชั้นนำด้านความปลอดภัยเชิงวิทยาศาสตร์  เครื่องดูดฝุ่น Bespoke Jet AI มีประสิทธิภาพขั้นสูง ที่ช่วยให้บ้านทั้งหลังสะอาด ผสานทั้งกำลังดูดสูงถึง 280 วัตต์[5] และระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จเต็มที่สูงถึง 100 นาที[6] โดยโหมด AI Cleaning [7] ของเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้สามารถตรวจสอบปริมาณฝุ่นที่เกาะอยู่ที่แปรงและปรับแรงดูดให้เหมาะสมกับสภาพการทำความสะอาดที่แตกต่างกัน[8] เช่น ลักษณะพื้นได้ โดยจะปรับตั้งค่าต่างๆ เช่นแรงดูดหรือความเร็วหัวแปรงให้เหมาะสมได้โดยอัตโนมัติ[9] โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการทำความสะอาดที่ดีที่สุด การประหยัดเวลาที่สุดและความสะดวกขณะใช้งาน Bespoke Jet™ AI ยังมาพร้อมกับแท่น All-in-One Clean Station™ รุ่นใหม่ซึ่งช่วยมอบพลังหมุนแบบแรงสูงเพื่อล้างฝุ่นออกจากถังได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด[10]

ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยสไตล์ – ยกระดับดีไซน์ที่ผู้ใช้ปรับแต่งให้ตรงใจได้

นับตั้งแต่การวางจำหน่ายครั้งแรก ตู้เย็นกลุ่มBespoke กว่า 3 ล้านเครื่องที่ซัมซุงจำหน่ายไปแล้วทั่วโลก เป็นเครื่องยืนยันถึงความสนใจของผู้ใช้ต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีคุณสมบัติและทางเลือกมากว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบทั่วไป ในวันนี้การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากความคิดว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าควรช่วยมอบสิ่งใดให้กับผู้ใช้บ้าง ยังคงเป็นแนวคิดที่ซัมซุงใช้เพื่อพัฒนาดีไซน์ของเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่ม Bespoke อันเป็นแนวทางการออกแบบที่ขับเคลื่อนและสร้างความแตกต่างมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ครั้งที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

ในปีนี้เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่ม Bespoke ประกอบไปด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ 15 กลุ่ม วางจำหน่ายใน 25 ประเทศ ซึ่งการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ใหม่ นั้นถือเป็นโอกาสที่ซัมซุงจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการและวิถีชีวิตของผู้ใช้ภายใต้แนวทางดังกล่าว ซัมซุงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ตู้เย็นกลุ่ม Bespoke อีกครั้งด้วยการนำเสนอตู้เย็นอัจฉริยะ 4 ประตู พร้อมจอ Family Hub (the Bespoke 4-Door Flex™ with Family Hub™+) รวมไปถึงตู้เย็นแบบไซด์บายไซด์(side-by-side)และตู้เย็นฝาบนรุ่นใหม่ ตู้เย็นอัจฉริยะ 4 ประตู พร้อมจอ Family Hub มีหน้าจอสัมผัสไร้ขอบขนาด 32 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าหน้าจอในตู้เย็นรุ่นก่อนหน้าเกือบ 2 เท่า ช่วยเพิ่มทั้งความสะดวกและการใช้งานเพื่อความบันเทิงที่หลากหลายยิ่งขึ้น ในขณะที่ตู้เย็นแบบไซด์บายไซด์ (side-by-side) และตู้เย็นฝาบนรุ่นใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดของซัมซุงเพื่อการจัดเก็บอาหารรวมไปถึงบานประตูด้านหน้าที่เพรียวบาง เรียบง่าย และสีสันรวมไปจนถึงพื้นผิวที่หลากหลาย

นอกเหนือไปจากการวางจำหน่ายเครื่องซักผ้าและอบผ้า Bespoke AITM ในตลาดประเทศสหรัฐฯและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปีนี้ ซัมซุงยังมุ่งมั่นจะขยายบริการปรับแต่งผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถปรับแต่งเครื่องใช้ไฟฟ้าให้

เข้ากับบ้านของพวกเขาได้ เช่น บริการปรับแต่งซัมซุง MyBespoke ที่เปิดให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ใช้งานได้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาโดยบริการนี้ช่วยให้ผู้ใช้ทดลองสร้างห้องครัวที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้ใช้ได้โดยใช้ภาพถ่ายหรือภาพ  อาร์ตเวิร์กเพื่อออกแบบพาเนลตู้เย็นที่ไม่มีใครเหมือน เพื่อยกระดับบริการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ไปอีกขั้น ซัมซุงใช้โอกาสนี้ประกาศว่า ซัมซุงจะจัดจำหน่ายบานประตูตู้เย็นที่ผลิตในจำนวนจำกัดสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่ม Bespoke ซึ่งออกแบบโดย TOILETPAPER  สตูดิโอออกแบบงานศิลป์สัญชาติอิตาเลียนและเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานฟูโอริซาโลน 2023 (Fuorisalone 2023โดยจะวางจำหน่ายทั้งทางเว็บไซต์ Samsung.com และที่ร้านแฟล็กชิปสโตร์ของซัมซุงในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้

[1] ปัจจุบัน ระบบนี้สามารถใช้งานได้ใน 40 ประเทศ รวมถึงในสหรัฐฯ ซัมซุงวางแผนจะเปิดระบบดังกล่าวให้ผู้บริโภคในประเทศต่อไปนี้ใช้งานได้ในเดือนมิถุนายนปีนี้กรีซแอฟริกาใต้สาธารณณัฐโดมินิกันลักเซมเบิร์กบัลแกเรียสโลวาเกียอาร์เจนติน่าไอร์แลนด์เอสโตเนียคอสตา ริกาโครเอเชียเปอร์โตริโกและฟินแลนด์ และจะขยายการใช้งานในประเทศต่อไปนี้ในเดือนกันยายนปีนี้โมร็อกโกซาอุดิ อาระเบียสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โอมานจอร์แดนอิรักอิสราเอลอียิปต์คูเวตตุรกีและตูนิเซีย

[2]ทดสอบกับเสื้อฮู้ดดี้ผ้าโพลีเอสเตอร์น้ำหนักรวม กิโลกรัม โดยเปรียบเทียบระหว่างการซักผ้าด้วยโหมดซักผ้าใยสังเคราะห์ในเครื่องซักผ้ารุ่น WW4000T และการใช้โหมด Less Microfiber ในเครื่องซักผ้ารุ่น WW94000B  ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันตามชนิดของผ้าและสภาพแวดล้อม การทดสอบดำเนินการโดย Ocean Wise Plastics Lab

[3] ทดสอบโดย Ocean Wise Plastics Lab โดยใช้เครื่องซักผ้ารุ่น WW90T734DWH (ใช้โหมดซักผ้าใยสังเคราะห์ซักเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ที่มีน้ำหนักเฉลี่ย 2 กิโลกรัมการทดสอบเปรียบเทียบปริมาณไมโครพลาสติกในน้ำเมื่อมีและไม่มีการติดตั้งฟิลเตอร์ Less Microfiber ปริมาณที่ระบุในเอกสารนี้คำนวณจากการกรองน้ำทิ้งผ่านตัวกรองที่มีขนาด 50 ไมครอน ผลลัพธ์จริงอาจแตกต่างกันตามชนิดของผ้าและสภาพแวดล้อม

[4] ทดสอบโดย the Korea Testing Laboratory อ้างอิงตามมาตรฐาน IEC62885-4: 2020 โดยเปิดใช้เจ็ทโหมดของเครื่องดูดผุ่นประเภทด้ามจับ (ไม่ติดส่วนหัวแปรง)

นำผลลัพธ์ที่ได้มาเปรียบเทียบกับค่ากำลังดูดของเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับที่ระบุว่ามีกำลังดูด 200 วัตต์ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาด

(อ้างอิงจากข้อมูลการขายที่รวบรวมโดยบริษัทวิจัยตลาดอิสระแห่งหนึ่งระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2022)

[5] ทดสอบโดย the Korea Testing Laboratory อ้างอิงตามมาตรฐาน IEC62885-4: 2020 โดยวัดกำลังดูดเมื่อใช้เจ็ทโหมดที่ช่องทางเข้าของท่อของส่วนที่ไม่มีมอเตอร์ในขณะที่ถังเก็บฝุ่นว่างและใช้แบตเตอรี่ความจุสูงที่ประจุไฟเต็ม นำผลลัพธ์ที่ได้มาเปรียบเทียบกับค่ากำลังดูดของเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับที่ระบุว่ามีกำลังดูด 200 วัตต์ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาด (อ้างอิงจากข้อมูลการขายที่รวบรวมโดยบริษัทวิจัยตลาดอิสระแห่งหนึ่งระหว่างเดือนมกราคมถึงธันวาคม 2022) ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง

[6] ตัวเลขข้างต้นเปรียบเทียบจากการใช้แบตเตอรี่ความจุสูงเมื่อใช้งานในโหมดกำลังดูดต่ำในขณะที่ติดท่อที่ไม่มีมอเตอร์ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง

[7] คุณสมบัติและประสิทธิภาพของโหมดนี้จะได้รับการอัพเดทเป็นระยะผ่าน SmartThings

[8] ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ สามารถส่งผลต่อการตรวจจับสภาพของการทำความสะอาดได้

[9] ความเร็วการหมุนของแปรง (รอบต่อนาทีสามารถปรับได้เมื่อใช้แปรงแอกทีฟดูอัลบรัชเท่านั้น

[10] วัดจากการทดสอบภายในโดยใช้ฝุ่นหลากรูปแบบ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง