“สลากดิจิทัล” บนแอปฯ เป๋าตัง ครบ 1 ปี หนุนคนไทยเข้าถึงสลากฯ 80 บาท เพิ่มช่องทางขายให้ผู้ค้ารายย่อย

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และธนาคารกรุงไทย เผยความสำเร็จ 1 ปี “สลากดิจิทัล” บนแอปฯ เป๋าตัง ช่วยให้คนไทยเข้าถึงเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาท มากกว่า 20 ล้านครั้งต่อเดือน เพิ่มช่องทางขายให้ผู้ค้ารายย่อยทั่วประเทศกว่า 38,000 ราย เผยมีผู้ถูกรางวัลแล้วกว่า 1 ล้านราย เป็นเงินรางวัลรวมกว่า 17,000 ล้านบาท

นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาช่องทางการซื้อ-ขาย “สลากดิจิทัล” ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” นับเป็นความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับบริการของหน่วยงานรัฐ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสลากฯ ราคา 80 บาท โดยเปิดจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 (สลากงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565)  จำนวน 5 ล้านใบ ราคาใบละ 80 บาท เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา  และสามารถตรวจสอบอายุของผู้ซื้อ เพื่อป้องกันการขายสลากให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี มีการยืนยันสิทธิความเป็นเจ้าของสลาก และมีบริการเลือกรับเงินรางวัลที่สะดวก ปลอดภัย โดยสามารถโอนเงินรางวัลภายใน 2 ชั่วโมงหลังประกาศผลรางวัล สามารถอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการของหน่วยงานรัฐ สร้างความพึงพอใจและผลตอบรับที่ดีจากประชาชนผู้ซื้อสลากเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน  2565 จนถึงงวดวันที่ 16 มิถุนายน 2566 มีผู้ถูกรางวัลสลากดิจิทัลรวมทั้งสิ้น 1,135,099 ราย และมีสลากที่ถูกรางวัลแล้วรวม  5,045,409 ใบ คิดเป็นเงินรางวัลกว่า 17,000 ล้านบาท และมีผู้ถูกรางวัลที่ 1 รวมทั้งสิ้น 165 ราย โดยในงวดวันที่ 16 เมษายน  2566 มีผู้ซื้อสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง ถูกรางวัลที่ 1 รายเดียวสูงสุดจำนวน 19 ใบ ได้รับเงินรางวัล 114,000,000 บาท

ตลอดระยะเวลา 1 ปีของการซื้อ-ขาย “สลากดิจิทัล” ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” มีผู้ซื้อสลากดิจิทัลรวมกว่า 5.8 ล้านราย มีสลากดิจิทัลที่จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 356 ล้านใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท เป็นของผู้ค้าสลากรายย่อยจากทั่วประเทศกว่า 38,000 ราย ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานแอปฯ เป๋าตัง ที่ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 40 ล้านราย และจำหน่ายสลากหมดก่อนถึงวันออกรางวัลทุกงวด  คาดว่าปีนี้ จะมีสลากดิจิทัลจำหน่ายบนแอปฯ เป๋าตังไม่น้อยกว่า 25 ล้านใบต่องวด  จากปัจจุบัน 18.6  ล้านใบต่องวด โดยจะพิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชน

นอกจากนี้ในเดือน กรกฎาคม 2566 นี้จะมีการเปิดให้บริการฟีเจอร์ใหม่ “QR ขายสลากดิจิทัล” เพื่อเพิ่มช่องทางการซื้อ-ขายรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้ซื้อและผู้ค้าสลากดิจิทัล ให้สามารถซื้อสลากดิจิทัลฯ ในรูปแบบ Face-to-Face ผ่านแอปฯ “ถุงเงิน” จากผู้ค้าสลากดิจิทัลโดยตรง โดยผู้ซื้อสามารถเลือกสลากฯ ที่ต้องการจากร้านค้า และสามารถใช้แอปฯ เป๋าตัง สแกนเพื่อซื้อสลากและชำระเงินได้ทันที

ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลขณะนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แม้ว่าจะมีช่องทางสลากดิจิทัลที่ทำให้ประชาชนสามารถซื้อสลากในราคา 80 บาทได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีลูกค้าบางส่วนที่ต้องการสลากแบบใบอยู่ทำให้การควบคุมราคายังเป็นไปได้ยาก ดังนั้นโครงการร้านค้าสลาก 80 ซึ่งดำเนินการมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว  ก็จะเป็นตัวเชื่อมให้ผู้ที่ต้องการซื้อสลากแบบใบ สามารถซื้อสลากได้ในราคา 80 บาทได้ แต่เนื่องจากเป็นการซื้อสลากที่ใด้ใบสลากไปครอบครอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนมือเพื่อขายต่อเกินราคาได้ จึงมีการควบคุมการจ่ายเงินซื้อสลากผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายสลาก 80 กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ 1,236 จุด และจะขยายจำนวนจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในอนาคต

สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 6 หลัก (L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบตัวเลข 3 หลัก (N3) นั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการกำหนดประเภทและรูปแบบสลาก เพื่อนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา “สลากดิจิทัล” บนแอปฯ เป๋าตัง ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสำเร็จของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง และนำมาต่อยอดแก้ปัญหาของประเทศ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสลากฯ 80 บาทได้สะดวก ทั่วถึง และเท่าเทียม ด้วยจุดเด่นของแอปฯ “เป๋าตัง” ที่ได้รับการพัฒนาโดย Infinitas by Krungthai ให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดกว้างให้ประชาชนทุกคนใช้งานได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารกรุงไทย สอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวันในยุคดิจิทัล สะดวก รวดเร็ว และประชาชนคุ้นเคยเป็นอย่างดี  จึงเป็นช่องทางการซื้อ-ขายสลากฯ ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อ และ
ผู้จำหน่ายสลาก

สำหรับประโยชน์ต่อผู้จำหน่ายสลากฯ คือ  ลดค่าใช้จ่ายจากเดิมที่ขายบนแผง หรือเดินเร่ขาย เปลี่ยนมาขายบนแพลตฟอร์ม โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่มีช่องทางและโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น เพราะแอปฯ เป๋าตังเป็นศูนย์รวมผู้ซื้อจำนวนมาก จากผู้ใช้งานที่มีจำนวนรวมกว่า 40 ล้านราย ทำให้สลากฯ มีโอกาสถูกเลือกซื้อมากกว่าการวางขายตามปกติ นอกจากนี้ ยังมีเวลาขายมากขึ้น ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ส่วนประโยชน์ของผู้ซื้อสลากดิจิทัล  คือ ซื้อสลากฯ ได้ในราคา 80 บาท สามารถเลือกซื้อเลขสลากที่ต้องการได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องไปหาซื้อตามแผง กรณีถูกรางวัล ผู้ซื้อสลากฯ สามารถขึ้นเงินรางวัลได้ง่าย ด้วยการเลือกโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทยได้

จากความสำเร็จในครั้งนี้ เชื่อว่าจะนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ ต่อไป โดยธนาคารกรุงไทย จะเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพของแอปฯ เป๋าตัง อย่างต่อเนื่อง  เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานสลากฯ ทั้งในด้านศักยภาพการทำธุรกรรม พัฒนาระบบการขึ้นเงินรางวัลอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกให้ผู้ถูกรางวัล รวมถึงระบบการชำระเงินของผู้จำหน่ายสลาก ที่สามารถทำผ่านแอปฯ เป๋าตังได้ ช่วยลดปริมาณการทำรายการผ่านช่องทางสาขา หรือ ตู้ ATM   นอกจากนี้ ยังร่วมกับสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย พัฒนาฟีเจอร์ “ตัวอ่านหน้าจอ” หรือ Voice Assistant  ช่วยให้ผู้พิการทางสายตาเข้าถึงการซื้อ-ขายสลากดิจิทัล ผ่านแอปฯ เป๋าตังและถุงเงินได้สะดวก รวดเร็ว

“นวัตกรรมทางการเงินได้ถูกพัฒนามาเป็นลำดับ ตามบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป เช่นกันกับธนาคารกรุงไทย ที่ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม และพัฒนาบริการทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยทุกกลุ่มอย่างไม่หยุดยั้ง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ  ตอบโจทย์ การแก้ปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจประเทศอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน”