จิตตะ เวลธ์ ชี้โอกาสลงทุนครึ่งปีหลัง 2566 ตราสารหนี้ หุ้นเทคฯ สหรัฐ หุ้นญี่ปุ่นและเวียดนามโดดเด่น

บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด มองครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มที่เป็นบวก โอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยไม่รุนแรง​ ชี้สินทรัพย์ที่น่าลงทุนได้แก่ตราสารหนี้ชั้นดี รับแนวโน้มดอกเบี้ยที่จะเริ่มนิ่งและอาจปรับลดลงหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ยังโดดเด่นสวนกระแสถดถอยเผยผลตอบแทน Jitta Ranking-US-Tech ตั้งแต่ต้นปีสูงถึง 34.76% แนะโฟกัสตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ได้อานิสงส์เงินเยนอ่อนค่าและแรงหนุนจากนักลงทุนระดับโลกเข้าลงทุนส่วนหุ้นเวียดนามเริ่มเห็นการฟื้นตัวพิเศษลงทุนวันนี้รับเครดิตค่าธรรมเนียมสูงสุด 1 แสนบาท

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (บลจ.) สตาร์ทอัพรายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้รับผลกระทบจจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาการเมืองและการทุจริตของบริษัทจดทะเบียนที่กดดันให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 27 มิ.ย. 2566 ปรับลดลงจากต้นปี 2566 แล้วมากกว่า10% ทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564

อย่างไรก็ตามหากมองหาโอกาสการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จะพบว่า ยังมีอยู่ในหลายส่วนของโลกที่นักลงทุนสามารถใช้จังหวะนี้ลงทุน เพื่อรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังมีความกังวลถึงโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นบวก ขณะที่การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดมีโอกาสที่จะเริ่มคงอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และอาจปรับลดลงได้ในอนาคตจะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ และพันธบัตรรัฐบาลให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่ได้ออกมาตั้งแต่ในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงจะได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ยังจะช่วยบริหารความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนได้เป็นอย่างดี

สำหรับความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ นั้น ตลาดมองว่าน่าจะเกิดขึ้นในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้าแต่จะมีลักษณะที่ไม่รุนแรงมาก (Mild Recession) เนื่องจากถูกจำกัดด้วยภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังแข็งแกร่งและแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะถูกกดดันด้วยปัจจัยดังกล่าว แต่ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ บางแห่งกลับปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของนักลงทุนโดยเฉพาะธุรกิจที่มีศักยภาพในการขยายตัวอย่างต่อเนื่องเช่น Apple ที่มีความโดดเด่นในการขยายเข้าไปยังตลาดใหม่ดัชนี FANG+ ซึ่งติดตามหุ้นเทคโนโลยียอดนิยมอย่าง Apple Alphabet Amazon Meta และ Netflix เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้หากดูผลตอบแทนตั้งแต่ช่วงต้นปีได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปถึง 74.94% ทำให้การลงทุนในหุ้นเทคฯสหรัฐฯในช่วงที่เหลือของปีมีความน่าสนใจอย่างยิ่งและหากแนวโน้มดอกเบี้ยเริ่มนิ่งและเข้าสู่ขาลงได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2567 ก็จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าวให้ปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนการเงินที่มีแนวโน้มลดลง

สำหรับกองทุนส่วนบุคคลของ Jitta Wealth นโยบายหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ (Jitta Ranking-US-Tech) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2566 สร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 34.76% และนโยบายหุ้นสหรัฐฯ (Jitta Ranking-US) สร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 23.78% เทียบกับ S&P500 ที่สร้างผลตอบแทนได้เพียง 13.71%

นายตราวุทธิ์ กล่าวอีกว่า สินทรัพย์ที่น่าจับตาครึ่งปีหลังยังต้องโฟกัสที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังจากที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้ดี โดยไตรมาสแรกของปีเศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 2.7% สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 1.9% ปัจจัยหลักมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 26 มิถุนายนนี้ เงินเยนอ่อนค่าแล้ว 9.5%

ด้านการลงทุนภาคเอกชนและภาคการผลิตขยายตัวได้ดี หนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวในช่วง 4 เดือนแรกของปีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.7 ล้านคนแซงหน้าทั้งปีของปี 2565  ที่มีนักท่องเที่ยวเพียง 3.8 ล้านคน จึงไม่แปลกใจที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นทุบสถิติในรอบ 33 ปี ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนระดับโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นของกองทุน Berkshire Hathaway อย่างต่อเนื่องทำให้ตลาดหันมาค้นหาความน่าสนใจในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น

นอกจากนี้ในส่วนของตลาดหุ้นเวียดนาม ที่เคยเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจหลายด้าน ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลี่คลาย​ ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ใกล้เข้าสู่สภาวะปกติ ​การบริโภคและการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเวียดนามจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนได้ดี ขณะที่สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นหลังรัฐบาลเวียดนามเดินหน้าแก้ปัญหาพร้อมปรับปรุงกฎหมาย Social Housing ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งมีการเจรจาขยายระยะเวลาชำระหนี้กับสถาบันการเงินและเจ้าหนี้ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลราคาหุ้น No Va Land ที่เคยมีปัญหาในช่วงที่ผ่านมาก็ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 40% จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2566 เวียดนามจึงเป็นอีกตลาดที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม

“ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมามากแล้ว เราเชื่อว่าฝนเริ่มซาพายุกำลังจะผ่านไปโอกาสการลงทุนใน ‘หุ้นดีราคาถูก’ กำลังจะฟื้นกลับมา และนี่อาจจะเป็นโอกาสทองที่จะเปลี่ยนชีวิตของนักลงทุนได้เลย” นายตราวุทธิ์กล่าว

พิเศษสำหรับลูกค้าที่ลงทุนหรือเพิ่มทุนในนโยบาย Jitta Ranking แผนใดก็ได้ภายใน 30 มิถุนายนนี้ ทุก 100,000 บาท รับเครดิตค่าธรรมเนียม 500 บาท (สูงสุดถึง 100,000 บาท)

ทั้งนี้ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด คิดค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปี โดยนักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนได้ที่ https://jittawealth.com/ หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ทาง Line ID: @JittaWealth

ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบาย การลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆก่อนตัดสินใจลงทุน