ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการฉ้อโกงทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักรักต้มตุ๋น (Romance scams) หรือจะเป็นการสร้างตัวตนปลอมเพื่อหลอกลวงเหยื่อผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งการปลอมแปลงตัวตนหรือแอบอ้างชื่อเพื่อการฉ้อโกงเหล่านี้ ล้วนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้คนและธุรกิจจำนวนมาก และยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อระบบการรักษาความปลอดภัยทางการเงินอีกด้วยอย่างไรก็ตามปัญหานี้จะได้รับการคลี่คลายโดยมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) ด้วยโซลูชันประเมินความเสี่ยงการฉ้อโกง หรือ ‘Consumer Fraud Risk’ ที่เพิ่งประกาศเปิดตัวไปนี้ ปัจจุบันใช้งานในประเทศอังกฤษ
ในขณะที่ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ปี 2564 ระบุถึง สติถิการโจรกรรมทางการเงิน ไว้ว่า มาจากแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ 6.4 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 270% จากปี 2563 และ SMS หลอกลวง ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึง 57% ข้อมูลเพิ่มเติมจากสวนดุสิตโพลระบุว่า คนไทยกว่า 21% เคยประสบกับ Call Center ที่โทรมาหลอกลวง[1]
จากจำนวนตัวเลขที่คาดการณ์มานี้ จะเห็นได้ว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก และเป็นเรื่องที่น่ากังวลในสังคม เพราะในช่วงเพียงเสี้ยววินาทีที่เราตัดสินใจผิดพลาด ความเสียที่เกิดขึ้นจะมีมูลค่ามหาศาล บางคนอาจถึงขนาดสูญเสียเงินทั้งหมดที่มีอยู่ถ้าเป็นบริษัทหรือองค์กรก็อาจเกิดความเสียหายทั้งทรัพย์สินและชื่อเสียง ความเชื่อมั่นที่มี
ด้วยความตระหนักในปัญหานี้ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอโซลูชันที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว มาสเตอร์การ์ดจึงได้มีการพัฒนาขีดความสามารถของ AI (Artificial Intelligence) เวอร์ชันล่าสุดให้สามารถตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมได้แบบบัญชีต่อบัญชี(account-to-account)ช่วยให้ธนาคารสามารถคาดการณ์และป้องกันการทำธุรกรรมจากสแกมเมอร์ในทุกรูปแบบด้วยการใช้ข้อมูลการทำธุรรรมทางการเงินแบบสเกลใหญ่เพื่อช่วยตรวจสอบและระงับการทำธุรกรรมของเหล่าสแกมเมอร์แบบเรียลไทม์ก่อนที่เงินของเหยื่อจะถูกยักยอกไป
โดยในปัจจุบันมีธนาคาร 9 แห่งในอังกฤษทเข้าร่วมในระบบนี้ ได้แก่ Lloyds Bank, Halifax, Bank of Scotland, NatWest, Monzo และ TSB
เนื่องจากมิจฉาชีพเหล่านี้จะทำการโอนเงินที่ฉ้อโกงมาได้ไปยัง “บัญชีม้า” เพื่ออำพรางเงินและป้องกันการตรวจสอบทำให้ตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้มาสเตอร์การ์ดได้ทำงานร่วมกับธนาคารทั้ง 9 แห่งเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการติดตามความเคลื่อนไหวของเงินไปจนถึงบัญชีปลายทางต้องสงสัยและปิดบัญชีเหล่านี้ลงและด้วยข้อมูลการติดตามการเดินเงินเหล่านี้เอง ที่ช่วยให้ระบบของมาสเตอร์การ์ดสามารถจัดระดับความเสี่ยงการทำธุรกรรมในแต่ละครั้ง โดยวิเคราะห์จากหลายปัจจัย อาทิ ชื่อบัญชีจำนวนเงินที่โอนประวัติธุรกรรมของผู้โอนและผู้รับและอัตราความเป็นไปได้ของบัญชีผู้รับเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการทำโจรกรรม ซึ่งการทำงานอย่างละเอียดและเป็นระบบ AI ของมาสเตอร์การ์ดนี้เอง ที่เป็นตัวช่วยให้หลายธนาคารสามารถระงับการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัยได้แบบเรียลไทม์ก่อนที่เงินของเหยื่อจะสูญหายไป
หนึ่งในธนาคารที่เข้าร่วมใช้งานระบบ Consumer Fraud Risk ของมาสเตอร์การ์ด คือ TSB ผู้ได้รับผลลัพท์อันยอดเยี่ยมจากการใช้งานระบบโซลูชันนี้ โดยผลลัพธ์จากการใช้งานระบบเพียงสี่เดือนของTSB สามารถตรวจจับธุรกรรมฉ้อฉลเป็นจำนวนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมาสเตอร์การ์ดคาดการณ์ว่าหากธนาคารอื่นที่ใช้งานระบบโซลูชันส์สามารถตรวจจับและสกัดการโอนเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่าธนาคาร TSB จะทำให้ธนาคารทั่วประเทศอังกฤษสามารถสกัดการโอนเงินโจรกรรมได้มูลค่ามากเกือบ 100 ล้านปอนด์[2]ภายในเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ภายในปี 2023 จะมีธนาคารอื่น ๆ เข้ามาร่วมใช้งานระบบเพื่อร่วมสกัดการทำงานของอาชญากรและมาสเตอร์การ์ดเองยังมีแผนที่จะขยายบริการนี้ไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย
ในขณะนี้ระบบรักษาความปลอดภัยของการทำธุรกรรมธนาคารและการชำระเงินมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก นักต้มตุ๋นจึงต้องปรับเปลี่ยนกลไกในการปลอมแปลงตัวตนให้แยบยลยิ่งขึ้น โดยพวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายการโจรกรรมเป็นการโน้มน้าวบุคคลและธุรกิจเพื่อโอนเงินให้พวกเขา โดยหลอกให้เชื่อว่าเป็นการโอนเงินให้แก่บุคคลหรือสถาบันที่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คู่ค้าที่รู้จัก รวมถึงการซื้อสินค้าปลอมเสมือนจริงผ่านช่องออนไลน์ หรือที่เรียกว่า การหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงิน (Authorized push payment fraud: APPFraud) โดยการสูญเสียที่เกิดจากการหลอกลวงประเภทนี้คิดป็น 40% ของธุรกรรมในสหราชอาณาจักรหรือคิดเป็นมูลค่ารวมราว 4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษภายในปี 2026[3]นี้เท่านั้น
“ธนาคารพบว่าการโจรกรรมในลักษณะนี้ยากต่อการตรวจสอบเป็นอย่างมาก” อาเจย์ บัลลา ประธานฝ่าย Cyber and Intelligenceมาสเตอร์การ์ดกล่าว “เพราะผู้เสียหายเหล่านี้สามารถผ่านเกณฑ์การประเมิณความเสี่ยงของธนาคาร และยังทำการโอนเงินของพวกเขาด้วยตัวเองโดยที่มิจฉาชีพไม่จำเป็นต้องทำการละเมิดมาตรการรักษาความปลอดภัยใดๆ ทั้งสิ้น ในปัจจุบันเราใช้ชีวิตในสังคมบนโลกดิจิทัลมากขึ้นในทุกวันแต่การฉ้อโกงเหล่านี้กลับกลายเป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นของเหยื่อต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ เพราะฉะนั้นเราจึงตั้งเป้าหมายในการสร้างและรักษาความเชื่อมั่นของพวกเขา โดยใช้เทคโนโลยี AIเวอร์ชันล่าสุด เพื่อช่วยให้ธนาคารสามารถจำแนกและตรวจจับการใช้จ่ายที่มีพิรุจ และสามารถยับยั้งการโจรกรรมได้อย่างทันท่วงที”
มาสเตอร์การ์ดได้มีการใช้งานระบบAI นี้มาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและในปัจจุบันระบบอัจฉริยะนี้ได้กลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างหลากหลายประเภทและเป็นจุดเปลี่ยนที่ช่วยจำแนกรูปแบบของการฉ้อฉลโดยกระบวนการรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีAI ของมาสเตอร์การ์ด ได้ช่วยหยุดยั้งความสูญเสียแล้วมากกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
“การโจรกรรมมีการพัฒนาความซับซ้อนมากขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้การตรวจจับการโจรกรรมทางการเงิน และแยกมันออกจากธุรกรรมทางการเงินที่ถูกกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นนับล้านครั้งในทุกๆวันยากจนเปรียบเสมือนการงมเข็มในมหาสมุทรเพราะฉะนั้นเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกันและตรวจสอบจึงได้กลายมาเป็นกุญแจที่สำคัญในตอนนี้” พอล เดวิสผู้อำนวยการฝ่ายการป้องกันการทุจริตธนาคาร TSB กล่าว“ความร่วมมือของเรากับมาสเตอร์การ์ด เป็นการสนับสนุนข้อมูลที่จำเป็นในการตรวจจับบัญชีม้าและป้องกันการทำธุรกรรมฉ้อฉลจากเหล่ามิจฉาชีพ เพื่อไม่ให้โจรกรรมได้สำเร็จ”
ผลลัพธ์เบื้องต้นจากธนาคารที่ได้ใช้งานโซลูชัน Consumer Fraud Risk ในการประเมินความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ระบบโซลูชันนี้ร่วมกับข้อมูลเชิงลึกของผู้ลูกค้าและพฤติกรรมทางการเงินของพวกเขา ประสบความสำเร็จในการป้องกันการโจรกรรมเป็นอย่างมากเพราะการใช้ข้อมูลข้างต้น ทำให้ระบบสามารถตรวจจับและจำแนกรูปแบบการโจรกรรมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจรกรรมที่เป็นการหลอกลวงเหยื่อให้ชำระเงินการโอนเงินให้ธุรกิจหรือบุคคลตัวปลอมรวมถึงวิธีการฉ้อฉลแบบ Romance scamsโดบในปัจจุบันพบว่าการหลอกลวงให้ชำระเงินคิดเป็น 57% ของการฉ้อฉลที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษและยังเป็นช่องโหว่ที่ยิ่งใหญ่ในประเทศ1
ในปี ค.ศ. 2022ประเทศอังกฤษมีกรณีหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงิน (APP)เป็นจำนวนธุรกรรมทั้งหมด 207,372 ครั้งโดยประมาณการสูญเสียอย่างคร่าว ๆ ที่ 485 ล้านยูโร1
มาสเตอร์การ์ดได้เปิดตัวโซลูชันประเมินความเสี่ยงการฉ้อโกง (Consumer Fraud Risk)ครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เนื่องด้วยระบบAI ของมาสเตอร์การ์ดได้สั่งสมประสบการณ์จากชุดข้อมูลบัญชีม้าในสหราชอาณาจักรย้อนหลังเป็นจำนวนมากจากธนาคารที่เข้าร่วม ทำให้ระบบมีการพัฒนาจนสามารถตรวจสอบและหยุดยั้งอาชญากรรมทางการเงินในระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์ได้สำเร็จและจะมีการร่วมมือกับธนาคารต่าง ๆ เพื่อแบ่งปันข้อมูลการธุรกรรมฉ้อโกงที่เกิดขึ้นต่อไป มาสเตอร์การ์ดพร้อมแล้วที่จะให้บริการเทคโนโลยีนี้แก่ตลาดใหม่ ๆ ที่เหมาะสม
[1]Bi-Monthly Payment insight: Financial Fraud – Bank of Thailand
[2]UK Finance Annual Fraud Report – The ‘almost £100m’ figure is calculated from UK Finance data for 2022 in which £485.2m was lost to APP fraud. Based on TSB’s % increase in detection and scam payments prevented, £97m would be saved across the banking sector based on latest UKF data.
[3]As reported by ACI and Global Data