“แม็คกรุ๊ป” ปิดปีบัญชี 2566 สุดหรู โชว์กำไร 644 ล้าน เพิ่มขึ้น 32.5% กวาดรายได้ 3,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% ทะลุเป้าหมายที่วางไว้จะโต 20% รับอานิสงส์ยอดช้อปสนั่นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ เดินหน้าขยายจุดขาย บอร์ดอนุมัติปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.36 บาท หนุนทั้งปีปันผล 0.81 บาท
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ผลการดําเนินงานของบริษัทฯ สำหรับปีบัญชี 2566 (1 กรกฎาคม 2565 – 30 มิถุนายน 2566) ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่จะโต 20% และยังคงทำสถิติสูงสุด โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158 ล้านบาท หรือ 32.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 486 ล้าน โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.4% สูงกว่าปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 16.5% รวมทั้งยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับสูงที่ระดับ 64.8%
ทั้งนี้ในงวดปีบัญชี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้ารวม 3,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 747 ล้านบาท หรือ 25.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมไปถึงการขยายช่องทางการขายเพิ่มต่อเนื่อง โดยเปิดเพิ่มอีก 52 แห่ง เพื่อรองรับกำลังซื้อที่กลับสู่ภาวะปกติ
“รายได้จากการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่องทางจำหน่าย โดยร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) มีสัดส่วน 66% มีรายได้ 2,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 624 ล้านบาทหรือ 34.8%, ห้างสรรพสินค้า มีสัดส่วน 22% มีรายได้ 798 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135 ล้านบาทหรือ 20.3%, ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) มีสัดส่วน 9% มีรายได้ 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26 ล้านบาทหรือ 8.4%” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป กล่าว
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวว่า คณะกรรมการ (บอร์ด) มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งหลังอีกหุ้นละ 0.36 บาท ทำให้ทั้งปีบริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 0.81 บาท โดยในงวดครึ่งแรกของปีจ่ายปันผลไปแล้วหุ้นละ 0.45 บาท หรือจ่ายปันผลในอัตราเกือบ 100% ของกำไรสุทธิ และจะขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล) ในวันที่ 2 พ.ย. 2566
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวรวม 1,727 ล้านบาท ลดลง 269 ล้านบาท จากวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เนื่องจากมีกิจกรรมการลงทุน 464 ล้านบาท เช่น ซื้ออาคาร อุปกรณ์ ขยายจุดขาย 52 แห่ง และการสร้างศูนย์กระจายสินค้า Mc Fulfillment Center ที่เปิดดำเนินการเรียบร้อยแล้วในเดือน ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา จำนวน 400 ล้านบาท และเงินสดจ่ายซื้อสินทรัพย์ทางการเงินไม่หมุนเวียนอื่นๆ 66 ล้านบาท
“บริษัทฯ ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น เนื่องจากยังคงสถานะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงิน ขณะที่กระแสเงินสดในมือที่ลดลงจากการลงทุนศูนย์กระจายสินค้า Mc Fulfillment Center ที่จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสินค้าลดต้นทุน และค่าใช้จ่าย รวมถึงการจัดการสินค้าคงคลังให้ดีขึ้นด้วย”
นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวถึงแนวโน้มผลดำเนินงานปีบัญชี 2567 ว่า จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ จะดำเนินกลยุทธ์ตามแผนที่วางไว้ เพื่อให้สามารถเติบโตได้ในเลขสองหลัก อีกทั้งการที่ประเทศไทยกำลังมีรัฐบาลใหม่หลังการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เรียบร้อยแล้วคาดว่ารัฐบาลน่าจะมีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป