เจาะลึกฟีเจอร์ใหม่บน LINE Ads เสริมพลังโฆษณาบน LINE เก็บข้อมูลครบ ตอบทุกโจทย์การตลาดได้ดีกว่าเดิม!

LINE for Business เดินหน้าพัฒนาต่อยอดเครื่องมือและฟีเจอร์ทรงพลังบน LINE Ads มุ่งอัพเกรดศักยภาพการใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพการยิงโฆษณา เพื่อช่วยนักการตลาดให้ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น พร้อมผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ พร้อมให้แบรนด์ใช้งานได้แล้ววันนี้!

ปรับรูปแบบและตำแหน่งโฆษณาให้ดีกว่าเดิม

LINE Ads ได้ขยายขนาดโฆษณาและตัวหนังสือบนตำแหน่งหน้า CHAT LIST เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า เพื่อให้มองเห็นชัดเจน ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังปรับตำแหน่งโฆษณาบน LINE OPENCHAT ให้ขึ้นมาอยู่ด้านบน จากเดิมที่แทรกอยู่ระหว่างข้อความ ช่วยลดความสับสนระหว่างข้อความในห้องแชทและโฆษณาได้ ทำให้ผลลัพธ์ของโฆษณาดียิ่งขึ้น ด้วยอัตรา Impression เพิ่มขึ้น 146% อัตรา CTR เพิ่มขึ้น 18% ต้นทุนต่อคลิก CPC ลดลง 42% และ CPM ลดลงถึง 30%

ในส่วนของรูปแบบโฆษณา LINE Ads ได้พัฒนา Animation Ads เป็นโฆษณาที่ขยับได้วางอยู่บนตำแหน่งหน้า CHAT LIST ช่วยสร้างความน่าสนใจ เพิ่มโอกาสการคลิกเข้าดูโฆษณามากขึ้น โดยหลังเปิดให้บริการตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม ด้วยอัตรา CTR ที่สูงกว่าโฆษณาภาพนิ่งปกติถึง 3 เท่า

รวมถึงโฆษณารูปแบบใหม่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุดอย่าง Label Ads ให้นักการตลาดสามารถใส่ข้อความที่ต้องการสื่อสารเพิ่มบนรูปได้มากสุดถึง 3 ข้อความ เพื่อเพิ่มใจความสำคัญที่ต้องการสื่อสารได้ครอบคลุมกว่าเดิม เช่น โปรโมชั่น เมนูยอดนิยม เป็นต้น โดย Label Ads จะแสดงผลสำหรับโฆษณาในหน้า LINE TODAY รองรับได้ทั้งโฆษณาภาพนิ่งและวีดีโอ

ไม่เพียงเท่านี้ LINE Ads ยังได้เพิ่มโฆษณา 2 รูปแบบใหม่สำหรับวัตถุประสงค์เพิ่มเพื่อน คือ โฆษณาวิดีโอ ซึ่งจะแสดงผลบนหน้า LINE VOOM โดยสามารถเพิ่มเพื่อนได้มากขึ้นถึง 2.25 เท่า และโฆษณาแบบภาพสไลด์หรือ Carousel Ads  ที่สามารถเลื่อนดูได้สูงสุดถึง 10 การ์ด แสดงผลบนหน้า Home หน้า LINE VOOM  หน้า LINE TODAY และหน้า Wallet

เพิ่มเซ็กเม้นท์ใหม่ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ลึกและแม่นยำ

ในการยิงโฆษณา กลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญมาก LINE Ads จึงได้พัฒนาเซ็กเม้นท์ของกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมและละเอียดมากขึ้น โดยได้เพิ่ม Persona Targeting ให้กับกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ยานยนต์ การเงิน ประกัน สุขภาพ และกลุ่มครอบครัว ให้สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายลงลึกถึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละหมวดได้ อาทิ กลุ่มยานยนต์ ที่สามารถลงลึกความสนใจประเภทรถยนต์ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า รถหรู รถเก๋ง รถ SUV เป็นต้น ทำให้ประสิทธิภาพการโฆษณาดีขึ้น ทั้งในส่วน CTR ที่เพิ่มขึ้นถึง 63% และ CPC ลดลง 23% โดยในครึ่งหลังของปีนี้ LINE Ads ยังมีแผนเพิ่มเซ็กเม้นท์ใหม่ๆ อาทิ เงินเดือน รายได้ ที่แสดงถึงอำนาจการซื้อได้ รูปแบบการชำระเงินที่ใช้ และพฤติกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ เป็นต้น

อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่จะตามมาเร็วๆ นี้คือ Auto Targeting โดยใช้ Machine Learning มาช่วยในการค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ นักการตลาดเพียงเซ็ตข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ ฯลฯ ระบบก็จะทำการวิเคราะห์ ประมวลผลให้ภายใน 48 ชั่วโมง และทำการยิงโฆษณาไปหากลุ่มเป้าหมายนั้นโดยอัตโนมัติ

เสริมประสิทธิภาพการวัดผลให้ครอบคลุม นำมากระตุ้นการใช้งานแอปฯ

ด้วยการเปลี่ยนแปลงของนโยบายด้านข้อมูลสำหรับผู้ใช้บริการ IOS ทำให้ระบบการวัดผลเดิมของ LINE Ads อาจไม่สมบูรณ์และครอบคลุมเท่าเดิม LINE Ads จึงได้มีการแนะนำระบบ SKAdNetwork เข้ามาร่วมใช้งานกับโฆษณาวัตถุประสงค์ App Install โดยหลังจากทดลองใช้งานร่วมกัน ผลลัพธ์ของโฆษณา App Install ดีขึ้นถึง 5.5 เท่า พร้อมต้นทุนของการ Install ต่อครั้งลดลงถึง 96% เลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นว่าระบบ SKAdNetwork ไม่เพียงช่วยทำให้การวัดผลแคมเปญชัดเจน ครอบคลุมขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้โฆษณาได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของโฆษณาวัตถุประสงค์ App Engagement ทาง LINE Ads ได้ออกฟีเจอร์ App Engagement for Purchase โดยมุ่งหากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนที่ชอบซื้อของบนแอปฯ ของแบรนด์ดังกล่าว โดยจากการทดสอบแคมเปญ ฟีเจอร์นี้ช่วยทำให้อัตราการซื้อของบนแอปฯ เพิ่มขึ้นถึง 25% โดยมีต้นทุนเฉลี่ยต่อการซื้ออยู่ที่ 48 บาทเท่านั้น

พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ กระตุ้นการเข้าเว็บไซต์และการทำธุรกรรมบนเว็บฯ

LINE Ads ได้พัฒนาฟีเจอร์ Conversion API เข้ามาช่วยทำงานร่วมกับ LINE Tag เพื่อให้การเก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าบนเว็บไซต์ครบถ้วน และสามารถส่งข้อมูลกลับมาที่ LINE Ads เพื่อนำไปใช้งานต่อได้อย่างสมบูรณ์กว่าเดิม จากการใช้งาน พบว่านักการตลาดได้รับข้อมูล Conversion เพิ่มขึ้นถึง 110% โดย 53% ของข้อมูลดังกล่าว มาจาก Conversion API และมีข้อมูลที่เก็บได้จากกลุ่มเป้าหมายที่ใช้งาน iOS เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับการใช้งาน LINE Tag เพียงอย่างเดียว ชี้ให้เห็นว่า Conversion API เป็นตัวช่วยสำคัญในการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้งาน iOS ซึ่งมีนโยบายปกป้องข้อมูลของ Apple ควบคุมอยู่

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ สำหรับแบรนด์ที่ต้องการหากลุ่มเป้าหมายจากวัตถุประสงค์ Website Conversion ให้ลึกและละเอียดขึ้น คือ ฟีเจอร์ LINE Tag Standard Event โดยเป็นการติดแท็กช่วงเวลาหรือพฤติกรรมของลูกค้าที่ LINE Ads ตั้งค่ามาให้แล้วว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แบรนด์ควรเก็บข้อมูล อาทิ การเริ่มเข้าชมสินค้า การเลือกสินค้าลงตะกร้า การเริ่มเข้าสู่หน้าจ่ายเงิน การลงทะเบียนสำเร็จ เป็นต้น ทั้งนี้ นักการตลาดยังสามารถกำหนดมูลค่าของสินค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลได้ด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการแบ่งกลุ่มลูกค้าเชิงลึก เพื่อทำกลยุทธ์ Retargeting สำหรับแคมเปญในอนาคต

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้โลกธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกแบรนด์ต่างแข่งขันเพื่อให้ลูกค้าเห็นและจดจำได้ LINE Ads พัฒนาเทคโนโลยี ฟีเจอร์ และเครื่องมือใหม่ออกมามากมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของนักการตลาด ที่มุ่งให้คอนเทนต์โฆษณาเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ นำไปสู่การสร้างยอดขาย เติบโตธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

ผู้สนใจสามารถดูข้อมูล LINE Ads เพิ่มเติมได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/service/line-ads หรือติดต่อเอเจนซี่ที่ดูแลแบรนด์ของท่านได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือเลือกติดต่อพันธมิตรเอเจนซี่ของ LINE  ได้ที่ https://lineforbusiness.com/th/partner

#LINEAds #LINEforBusiness