หากพูดถึง ‘ตลาดวิดีโอสตรีมมิง’ หรือ ‘Over-the-top’ (OTT) ในไทยคงไม่ต้องบอกว่าแข่งขันกันดุเดือดแค่ไหน หากดูจากตัวเลือกในปัจจุบันที่มีนับสิบแพลตฟอร์ม แต่แพลตฟอร์มที่ทำให้ “กำแพงเมืองจีน” สูงขึ้นจนแฟน ๆ ชาวไทยข้ามไปไหนไม่ได้สักทีคงหนีไม่พ้น ‘WeTV’ (วีทีวี) เพราะเป็นผู้จุดกระแส ‘ซีรีส์จีน’ ในไทย และหน้ารับรองว่ากำแพงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ด้วยไลน์อัปออริจินัลคอนเทนต์และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะมาตก ‘แม่ไทย’ ให้อยู่กับแพลตฟอร์ม
OTT แข่งดุเพราะโอกาสเติบโตมหาศาล
หากพูดถึงภาพรวมของตลาดวิดีโอสตรีมมิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นยังคงแข่งขันกันดุเดือดมาอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยจำนวนประชากรกว่า 686 ล้านคน แต่จำนวนผู้ชม OTT มีเพียงกว่า 200 ล้านคน เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยมีการประเมินว่าตลาด OTT ของภูมิภาคปี 2023 จะมีมูลค่าสูงถึง 3.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และภายในปี 2030 มูลค่าจะแตะ 8.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเฉลี่ย +14% ต่อปีเลยทีเดียว
ส่วนตลาด OTT ในไทยก็ยังมีโอกาสเติบโตสูงไม่น้อย ที่ผ่านมา ตลาดมีการเติบโตประมาณ 15-20% ขณะที่ผู้ใช้งาน OTT ในปัจจุบันมีประมาณ 26 ล้านคน จากจำนวนผู้ที่เข้าถึงอินเตอร์เน็ตกว่า 61 ล้านคน ที่น่าสนใจคือ ผู้ใช้งาน OTT กว่า 92% ใช้งานมากกว่า 1 แพลตฟอร์ม เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 4.5 แอปพลิเคชันต่อคน ซึ่งถ้าหากคิดเป็นระยะเวลาในการรับชมจะอยู่ที่ 1.4 พันล้านชั่วโมง/เดือน และมีคนไทยถึง 20% ที่ใช้เวลาไปกับ OTT ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อวัน หรือมากกว่านั้น
สาวไทยติดหนึบซีรีส์จีน
สำหรับ WeTV ที่ทำตลาดมา 4 ปีเต็ม ก็ถือเป็นอีกแพลตฟอร์มที่โดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะ คอนเทนต์จีนและซีรีส์วาย ซึ่งปัจจุบัน WeTV ถือเป็นแพลตฟอร์ม อันดับ 2 ของภูมิภาค ที่มีจำนวนชั่วโมงการรับชมมากที่สุด และมียอดดาวน์โหลดกว่า 205 ล้านครั้ง จากการให้บริการใน 173 ประเทศ
ในส่วนของประเทศไทย WeTV ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดดาวน์โหลดกว่า 45 ล้านครั้ง มีผู้ใช้งาน 13.5 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นกว่า +20% ส่งผลให้ WeTV ขึ้นเป็น อันดับ 1 ของแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานแบบรับชมโฆษณา (Advertising Video On Demand – AVOD) และเป็น อันดับ 2 ในส่วนผู้ใช้งานแบบชำระค่าสมาชิก (Subscription Video On Demand – SVOD)
ที่น่าสนใจคือ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ WeTV ใช้เวลาชมคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มเฉลี่ยสูงถึง 120 นาที/คน/วัน โดย 80% รับชมผ่านโทรศัพท์มือถือ 6% รับชมผ่านเบราเซอร์เว็บไซต์ และ 14% รับชมผ่านทีวี ซึ่งการรับชมผ่านทีวีนั้นมีการเติบโตมากถึง +30%
สำหรับคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด แน่นอนว่าเป็น คอนเทนต์จีน คิดเป็น 55% ของการรับชม โดย 80% ของผู้รับชมเป็นเพศหญิงอายุ 25-44 ปี ส่วน คอนเทนต์ไทย มีสัดส่วนการรับชม 24% กลุ่มผู้ชม 90% เป็นผู้หญิงอายุ 18-34 ปี ส่วน คอนเทนต์อนิเมะ มีสัดส่วนการรับชม 21% โดยกลุ่มผู้ชม 50% เป็นผู้ชายอายุ 13-34 ปี
พร้อมปั้นซีรีส์วายขายตลาดโลก
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ WeTV เติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 4 ปีก็คือ คอนเทนต์ โดย WeTV ถือเป็น Top of mind ในด้าน คอนเทนต์จีนและซีรีส์วาย ในไทย ปัจจุบัน WeTV มีคลังคอนเทนต์กว่า 2 พันเรื่อง รวมแล้วมีกว่า 5 หมื่นตอน หากจะดูทั้งหมดต้องใช้เวลากว่า 2.5 ล้านนาที และมีการผลิต Original Content มากถึง 56 เรื่อง
แน่นอนว่าซีรีส์จีนใหม่ ๆ จะมีแน่นอน แต่ทิศทางการผลิตออริจินัลคอนเทนต์ของ WeTV ประเทศไทยในปี 2024 นั้นจะมีการปรับเปลี่ยน โดย กนกพร ปรัชญาเศรษฐ ผู้จัดการ WeTV ประจำประเทศไทย บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า WeTV จะลดการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์และการผลิตซีรีส์แมส แต่จะผลิตคอนเทนต์ที่ สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ และมุ่งไปที่ ซีรีส์วาย (Series Y) โดยในปีหน้า WeTV จะมีซีรีส์ใหม่ 6-8 เรื่อง ซึ่งจะร่วมกับผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Kongthup Production, Dee Hup House และ Mandeework ฯลฯ โดยมีซีรีส์ไลน์อัป ได้แก่ “Knock Knock, Boys! บ้านหนุ่มโสด โหมดพร้อมเลิฟ”, “Monster Next Door พี่เขาบุกโลกของผม”, “I Saw You In My Dream เธอ ฉัน ฝัน เรา” และ“โปตัวปลอม”
หนึ่งในข้อดีของการที่ WeTV เลือกจะผลิตออริจินัลคอนเทนต์เองมากกว่าซื้อ Licensing นั้น กนกพร ได้อธิบายว่า จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปขายในประเทศต่าง ๆ ได้มากขึ้น แทนที่จะเสียค่าลิขสิทธิ์เหมือนในอดีต นอกจากนี้ ซีรีส์วายของไทยได้รับความนิยมมากในหลายประเทศ ดังนั้น จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่คอนเทนต์ไทยจะโด่งดังในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม จากไลน์อัปคอนเทนต์ใหม่ในปี 2024 ทาง WeTV มั่นใจว่าจะช่วยให้จำนวนผู้ชมคอนเทนต์ไทยเติบโตขึ้น 2.5 เท่า ภายในปี 2024
“ซีรีส์วายโตอย่างต่อเนื่องจากปีละ 30 เรื่องในปี 2019 เป็นร้อยเรื่องในปี 2023 และฐานผู้ชมก็เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากกลุ่มผู้ชมเอเชียที่เหนียวแน่นอยู่เเล้ว แถบตะวันตกและละตินอเมริกา ก็ชื่นชอบ ดังนั้น เราเชื่อว่าซีรีส์วายของไทยจะสามารถตีตลาดโลกได้” กนกพร ย้ำ
CHUANG ASIA เมกะโปรเจกต์2024
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญในปี 2024 ก็คือเมกะโปรเจกต์อย่าง CHUANG ASIA รายการไอดอลเซอร์ไววัลชื่อดังจาก Tencent Video ที่จะเฟ้นหาไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มแรกที่จะแจ้งเกิดจากประเทศไทย แถมได้ แจ็กสัน หวัง เข้ามาเป็น Lead Mentor ซึ่งคาดว่ารายการจะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชม Gen Z (อายุ 15-26 ปี)
โดย CHUANG ASIA ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ Have Fun Media, RYCE Entertainment, one31, GMMTV, และ 411 Entertainment ที่เข้าร่วมเสริมความแข็งแกร่งในด้านการผลิตรายการ และได้ และได้ค่าย RYCE Entertainment มารับหน้าที่พัฒนาศักยภาพศิลปินที่ได้เดบิวต์ภายใต้มาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ WeTV ได้เป็นพาร์ตเนอร์กับ เฮดไลน์เนอร์ ไทยแลนด์ (HEADLINER THAILAND) ธุรกิจบริหารจัดการและพัฒนาศิลปินแบบครบวงจร ซึ่งจะยิ่งช่วยเสริมกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่ทาง WeTV วางไว้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สำหรับรายการ CHUANG ASIA จะเริ่มออกอากาศในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2024 รับชมพร้อมกันทั่วโลกได้ทาง WeTV และออกอากาศทางโทรทัศน์ผ่านช่อง one31 รวมทั้งยังเตรียมออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
“ไทยถือเป็นฐานผู้ชมอันดับ 2 ของรายการ CHUANG ASIA ในจีน โดยซีซันล่าสุด โซเชียลในไทยมี Engagement เกี่ยวกับรายการกว่า 32 ล้าน Engagement และแฮชแท็กใน X (Twitter) ก็ติดเทรนด์อันดับ 1 นาน 8 ชั่วโมง” กนกพร กล่าว
เพิ่มทัชพอยต์กับศิลปินในดวงใจ
อีกจุดที่ทำให้ WeTV สามารถมัดใจผู้ใช้ได้อย่างอยู่หมัดก็คือ การให้ความสำคัญกับ คอมมูนิตีหรือ แฟนด้อม อาทิ ฟีเจอร์ Flying Comment ที่กระตุ้นการสร้าง Engagement ร่วมกัน แต่ในปีหน้า WeTV ก็จะเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ BUBBLE ที่จะให้ผู้ใช้สามารถ เชื่อมต่อกับศิลปินที่ชื่นชอบได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เพื่อให้มี ทัชพอยต์ครบ 360 องศา WeTV ก็จะมีการจัดกิจกรรม On Ground Activity ต่อเนื่อง
ล่าสุด หลังจากที่ WeTV ได้แต่งตั้ง จ้าวลู่ซือ เมกะสตาร์ดาวรุ่งจากจีนที่มีมีฐานแฟนคลับทั่วโลกขึ้นเป็น Global Brand Ambassador เพื่อช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ไปยังผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น ทาง WeTV ก็ได้พาจ้าวลู่ซือมาร่วมงาน WeTV ALWAYS MORE 2024 ที่ไทย พร้อมกับเปิดโอกาสให้แฟนคลับชาวไทยได้ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
เติบโตไปพร้อมพันธมิตร
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้ WeTV รักษาการเติบโตมาตลอด 4 ปีก็คือ พันธมิตร โดยที่ผ่านมา WeTV ขยายฐานพันธมิตรแทบ 100% ในทุกแกนทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาค อาทิ การจับมือกับช่องดิจิทัลทีวีในการนำซีรีส์ไปฉาย รวมถึงการเป็นพันธมิตรด้านผู้ให้บริการการสื่อสารและโทรคมนาคมชั้นนำและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง WeTV ได้สะดวกมากขึ้น ส่งผลให้จำนวน สมาชิก VIP เติบโต +100% ขณะที่รายได้ของแพลตฟอร์มเติบโต +62%
นอกจากนี้ WeTV ยังเป็นพันธมิตรกับแบรนด์และเอเจนซีโฆษณาชั้นนำระดับโลกมากมาย ล่าสุด WeTV ก็เพิ่มฟีเจอร์ New VDO Splash Screen ที่จะช่วยเพิ่ม CTR (Click through rate ) ได้ถึง 100% ซึ่งจะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดได้ครบวงจร 360 องศา ให้กับลูกค้า นักการตลาด และมีเดียเอเจนซีชั้นนำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากพิจารณาถึงกลยุทธ์ของ WeTV ในปี 2024 นี้ จะเห็นว่าแพลตฟอร์มยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตร และยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อมัดใจฐานแฟนคลับ รวมถึงฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการโฆษณาให้กับพันธมิตรกับแบรนด์และเอเจนซี แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือ ส่วนของคอนเทนต์ ที่ WeTV ได้ดึงรายการไอดอลเซอร์ไววัลระดับเอเชียอย่าง CHUANG ASIA มาจัดที่ไทย แถมยังได้ศิลปินระดับโลกอย่าง แจ็กสัน หวัง มาเป็นส่วนหนึ่งของรายการ รวมถึงการผลิตซีรีส์วายที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้ชมหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า WeTV จริงจังที่จะพาคอนเทนต์ไทยจะออกสู่สายตาคนทั่วโลกแน่นอน
สำหรับผู้ชมสามารถติดตามชมผลงานคอนเทนต์คุณภาพจากทั่วทั้งเอเชียได้ที่แอปพลิเคชัน WeTV และ www.WeTV.vip พร้อมติดตามข่าวสารและกิจกรรมผ่านทางโซเชียลมีเดีย WeTV Thailand ได้ทุกช่องทาง