YDM Thailand จับมือ STEPS Academy ถอดรหัส Marketing Transformation ชี้ “Data-Driven Marketing” ฟันเฟืองสำคัญ แนะ 3 วิธีคิด สร้างแลนด์สเคปใหม่ทางการตลาด 1.Data คือ หัวใจ 2. เก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าเป็นรายบุคคลในทุก Touch Point ไม่ใช่เก็บแค่ข้อมูลส่วนตัวและประวัติการซื้อขาย 3.เก็บข้อมูลให้ได้มากพอ จนสามารถทำ Personalized and Automation Marketing อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เผยแบรนด์ยังติดกับดักไม่สามารถใช้ศักยภาพ Data ได้เต็มประสิทธิภาพ เปิด 3 อุปสรรคสำคัญที่แบรนด์ต้องแก้หากต้องการประสบผลสำเร็จในการตลาดยุคใหม่
นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยในงานสัมมนา “Decoding the Blueprint for a Data-Driven Marketing Transformation” ที่จัดร่วมกันระหว่าง YDM Thailand และ STEPS Academy ว่า ในปัจจุบันแบรนด์ยังติดกับดัก ไม่สามารถผลักดัน Marketing Transformation ให้สำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถใช้ศักยภาพของ Data ได้เต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ “Data-Driven Marketing” เป็นฟันเฟืองสำคัญของการสร้างแลนด์สเคปใหม่ด้านการตลาดและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ จากการทำงานกับลูกค้ากว่า 200 บริษัท พบมีเพียง 10% ที่สามารถนำศักยภาพของ Data มาใช้เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้แบรนด์ต้องคิดใหม่ (Rethink) เกี่ยวกับ Data ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคแค่นึกถึง สินค้าและบริการของแบรนด์ก็เด้งขึ้นมาทันที เพราะฉะนั้นการรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างถ่องแท้คือสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์
แนะ 3 วิธีคิด เพื่อแบรนด์ทำการตลาดได้โดนใจ คือ 1.Data เป็นหัวใจของ Marketing แบบใหม่ ยิ่งในอนาคตอันใกล้ จะมีการใช้ AI มาทำการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่ง AI จะสามารถทำงานได้ดี ถ้า Data ของแบรนด์ถูกจัดเก็บอย่างถูกต้อง 2.Data ที่จะขาดไม่ได้ในการจัดเก็บคือ ข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Behavioral Data) ซึ่งในปัจจุบันทาง YDM และ STEPS พบว่าแบรนด์โดยส่วนใหญ่ จะเก็บดาต้าในเชิง Profile ลูกค้า และ การซื้อขายสินค้า (Transactional Data) เป็นหลัก ซึ่งในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมที่ถูกต้องนั้น จะต้องเก็บในทุก ๆ ช่องทาง ทุก ๆ touch points เช่น เว็บไซต์, Social Media, โฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ, Chat Message, CRM, POS, E-commerce, ฯลฯ แล้วนำมารวมกันที่เดียว แล้วทำการระบุตัวให้ได้ ว่าคนในแต่ละช่องทางนั้นเป็นคน ๆ เดียวกัน ซึ่งด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถทำได้แล้ว 3.เมื่อรวบรวมข้อมูลได้จำนวนมากพอ เราสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ จนสามารถทำ prediction คาดการณ์หรือพยากรณ์พฤติกรรมลูกค้ารายบุคคลได้ ทำให้แบรนด์สามารถทำการตลาดตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า และทำการตลาดแบบอัตโนมัติ (Personalized and Automation Marketing) เพื่อช่วยเสริมศักยภาพการทำการตลาดได้
ปัจจุบันหลายแบรนด์ในประเทศไทยยังไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพของ Data ได้แบบครบวงจร (Full loop) โดย YDM แบ่งสายพันธุ์ขององค์กรและแบรนด์ในการทำ Marketing Transformation ไว้ 4 กลุ่ม คือกลุ่มไดโนซอร์ (Dinosaur) ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำการตลาดโดยไม่มี Data มีประมาณ 20% กลุ่มชิมแปนซี (Chimpanzee) มีการเก็บข้อมูลไว้แต่ไม่ได้ใช้งาน และเก็บข้อมูลแบบแยกส่วนกัน มีประมาณ 50% กลุ่มเซเปียนส์ (Sapiens) มีการรวบรวมข้อมูลและสามารถนำมาทำ Personalized and Automation ได้บางส่วน มีประมาณ 25% และกลุ่มสุดท้าย โฮโมดีอุส (Homo Deus) เป็นเผ่าพันธุ์แห่งอนาคต สามารถนำ Data มาใช้สร้างยอดขายที่วัดผลได้ มีเพียงประมาณ 5% อย่างไรก็ดี กับดักที่ส่งผลให้มีแบรนด์ในกลุ่มเซเปียนส์ และโฮโมดีอุส มีจำนวนน้อย เกิดจาก 3 ปัจจัยสำคัญได้แก่
1. คน (People) ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่สุด โดยเฉพาะทัศนคติ (Mindset) เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงยากที่สุดเนื่องจากยึดติดกับความสำเร็จในอดีตจนกลายเป็นสูตรสำเร็จ ไม่เปิดรับการทำการตลาดรูปแบบใหม่ ในขณะที่วิธีการทำการตลาดในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เช่น การมอง Segmentation ตามพฤติกรรม การทำการตลาดเพื่อเอา Data จากเดิมทำการตลาดเพื่อขายของอย่างเดียว การแบ่งกลุ่มเป้าหมายหรือ Segment ย่อย ๆ จำนวนมาก แล้วทำคอนเทนต์เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เป็นตัวช่วยฯลฯ
2. Know How ไม่รู้ว่าต้องเก็บข้อมูล ในบางแบรนด์รู้ว่าต้องเก็บข้อมูล แต่ไม่สามารถเก็บได้ เพราะมีการเก็บข้อมมูลแยกส่วนแยกแผนกกัน ไม่แบ่งปันข้อมูลข้ามแผนก ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลไว้กับแบรนด์ แต่จัดเก็บไว้กับเอเจนซี่ หรือตัวแทนขาย และในขณะที่บางแบรนด์เก็บข้อมูลไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าต้องนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร
3. เทคโนโลยี แบรนด์ส่วนใหญ่พบปัญหามาร์เกตติ้งไม่มีความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี จนไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพิ่มศักยภาพในงานการตลาด ในขณะที่บุคลากรด้านเทคโนโลยี ก็ไม่เข้าใช้เรื่องการตลาดและธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยี หรือเครื่องมือ MarTech ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำการตลาดและเพิ่มโอกาสธุรกิจให้เติบโตจนสามารถแข่งขันได้
“การที่แบรนด์จะสามารถถอดรหัส Marketing Transformation ได้ แบรนด์จำเป็นต้องคิดใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของคนที่ต้อง เปลี่ยนทัศนคติของคนให้เปิดรับวิธีการทำการตลาดแบบใหม่ ๆ ท่าใหม่ ๆ และต้องรู้จักเก็บและใช้ข้อมูล ปรับตัวให้ไวกับพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยี รวมถึงสร้างคนที่มีเดต้าสกิล มาร์เกตติ้งสกิล ที่รู้จักใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการทำการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายและธุรกิจที่เติบโต” นายธนพล กล่าวทิ้งท้าย
นางสาวณัฐวีร์ ตันติสัจจธรรม ประธานบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง STEPS Academy ที่ปรึกษาและให้ความรู้อบรมทางด้าน Digital & Data Marketing กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ปรึกษาและทำงานร่วมกับแบรนด์ พบ 3 ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ Data เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ หรือ SME ต้องเผชิญ ส่งผลให้การทรานส์ฟอร์มการตลาดต้องสะดุด 1. การเก็บข้อมูลกระจัดกระจาย 2. ข้อมูลที่เก็บเป็นข้อมูลทั่วไปแบบผิวเผิน ซึ่งอาจยากต่อการนำไปต่อยอดธุรกิจ เช่น ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อ อีเมลล์ เบอร์ ยอดสั่งซื้อ และ 3. คนทำงานที่พบว่าทีมการตลาดส่วนใหญ่ยังขาดสกิลด้านการใช้เทคโนโลยีเชิงการตลาดใหม่ ๆ ขณะที่ผู้ที่มีสกิลด้านเทคโนโลยีคือทีม IT ซึ่งขาดสกิลด้านแผนเงินธุรกิจ หรือกลยุทธ์เชิงการตลาด
สนใจขับเคลื่อนแบรนด์สร้างแลนด์สเคปใหม่ทางการตลาดยุคใหม่ ก้าวข้าม Marketing Transformation สำเร็จ ร่วมกับ YDM Thailand เป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำ Marketing Transformation ระดับองค์กร ด้วยประสบการณ์ในแวดวงโฆษณาด้านการตลาดในประเทศไทยมากว่า 14 ปี ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทรานส์ฟอร์มการตลาด www.ydmthailand.com