แอร์บัส (Airbus) มองตลาดเฮลิคอปเตอร์ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้ โดยได้ปัจจัยในภาคการทหารและบริการสาธารณะที่ยังเติบโตในช่วง 10 ปีข้างหน้า และบริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 52% จากปัจจัยดังกล่าวนี้
Fabrice Rochereau รองประธานและหัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของแอร์บัสเฮลิคอปเตอร์ และ Bert Porteman ซึ่งเป็น Chief Representative ของ Airbus ประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงธุรกิจของ Airbus รวมถึงโอกาสของบริษัทในประเทศไทย
ผู้บริหารของ Airbus ได้กล่าวว่าบริษัทนั้นมีธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานมากกว่า 40 ปี โดยสายสัมพันธ์นั้นเริ่มต้นจากบริษัทได้ส่งมอบเครื่องบินเครื่องแรก คือ A300-B4 ให้กับการบินไทยในปี 1977 ปัจจุบันบริษัทพนักงานมากกว่า 160 คนในไทย นอกจากนี้บริษัทยังมีมีพาร์ตเนอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Supply Chain ในประเทศไทย เช่น การตกแต่งห้องโดยสาร บริการการบิน ซัพพลายเออร์ด้านวัสดุ เป็นต้น
ขณะที่ แอร์บัส เฮลิคอปเตอร์ ได้เริ่มดำเนินการในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 1990 เมื่อกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ทำการสั่งซื้อแอร์เฮลิคอปเตอร์ลำแรกในรุ่น AS350 จาก Airbus เพื่อใช้บินสำรวจและประเมินผลการปฏิบัติการฝนหลวงและในพื้นที่เกษตร
ผู้บริหารของ Airbus ได้กล่าวว่าปัจจุบันมีเฮลิคอปเตอร์ของบริษัทที่ปฏิบัติการบินอยู่ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 71 ลำ โดยนำไปใช้ในภารกิจที่หลากหลายทั้งในภาคพลเรือน บริการสาธารณะ และทางการทหาร
ขณะที่ในในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เฮลิคอปเตอร์ของ Airbus ปฏิบัติการบินอยู่ราว 1,900 ลำ ผู้บริหารของ Airbus ได้กล่าวว่าบริษัทเป็นผู้นำของตลาดเฮลิคอปเตอร์ในภาคพลเรือนและบริการสาธารณะ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 30%
โดยในประเทศไทยใช้เฮลิคอปเตอร์ของ Airbus เกือบครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่รุ่น H145M เฮลิคอปเตอร์ขนส่งลำเลียงอเนกประสงค์ของกองทัพเรือและกองทัพบกไทย H225M เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด รวมถึง H135 เฮลิคอปเตอร์สำหรับฝึกซ้อมทางทหารรุ่นใหม่ของกองทัพอากาศไทย และรุ่น H175 เฮลิคอปเตอร์ประสิทธิภาพสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดียวขนาดเบาครองตลาดอยู่ บริษัทฯ เห็นว่ามีการนำเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาสองเครื่องยนต์และเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลาง มาใช้งานเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในประเทศไทย
Airbus ยังคาดการณ์ว่าจำนวนฝูงบินที่ปฏิบัติการอยู่ในภาคการทหารและบการสาธารณะของประเทศไทยจะเติบโตขึ้นอีก 20% ทำให้บริษัทมองว่าจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในไทยได้มากถึง 52% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
โดยปัจจัยหลักในการครองส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยมาจากความต้องการเฮลิคอปเตอร์
ผู้บริหารของ Airbus ยังคาดว่าความต้องการเฮลิคอปเตอร์ของภาคส่วนทางการทหารจะมาจากทั้งการจัดซื้อหาจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำใหม่และการเปลี่ยนทดแทนเฮลิคอปเตอร์ลำเก่า เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ทั้งด้านการฝึกซ้อมทางทหาร ความมั่นคงและการเฝ้าระวังทางทะเล การค้นหาและกู้ภัย