บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ตระหนักและใส่ใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เน้นการดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างจริงจังภายใต้แนวคิด “Care for ENVIRONMENT” ผ่านโครงการ “Green Cinema” โรงหนังรักษ์โลก ซึ่งให้ความสำคัญกับปัญหาขยะ การคัดแยกและการแปรรูป เพิ่มมูลค่าขยะให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ลดการเกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต
นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินการจัดการปัญหาขยะภายในองค์กรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy นำทรัพยากรเหลือใช้กลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ ซี่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ได้นำจอหนังที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาผลิตเป็นกระเป๋า เนื่องจากนวัตกรรมการฉายภาพยนตร์ได้เปลี่ยนจากเครื่องฉายระบบดิจิทัลเป็นเครื่องฉายระบบเลเซอร์ จึงต้องเปลี่ยนจอฉายภาพยนตร์ใหม่เป็นจอ Silver Screen เพื่อให้ผู้ชมได้รับชมภาพยนตร์ที่คมชัดมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงนำจอหนังธรรมดาที่เป็นพื้นผ้าพลาสติกมาพัฒนาออกแบบและตัดเย็บเป็นกระเป๋า โดยใช้หลัก Upcycling เปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยลดการสร้างขยะใม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดเป็น “กระเป๋าจากจอหนัง” ดีไซน์เก๋เพื่อใช้ประโยชน์ที่เป็นแฟชั่นนำเทรนด์สายรักษ์โลกด้วยคอนเซ็ปท์ “I am Reborn from Major Cineplex Screen” เวอร์ชั่นที่ 1 ออกจำหน่ายครั้งแรกพร้อมกับกระแสตอบรับอย่างดี จำหน่ายไปแล้ว 1,000 ใบ ซึ่งช่วยลดขยะจากจอหนังไปจำนวน 25 จอ
ล่าสุดได้ผนึกความร่วมมือ Collaboration กับแบรนด์ไฮสตรีทแฟชั่นสุดฮิตของเมืองไทย Pronto** สร้างงานเอ็กซ์คลูซีฟ กระเป๋าจากจอหนัง “I am Reborn from Major Cineplex Screen” เวอร์ชั่นที่ 2 ด้วยวัสดุที่เป็นเอกลัษณ์เฉพาะตัว เน้นการออกแบบเพื่อใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันที่แตกต่างกันออกไปตามไลฟ์สไตล์ของคนรักหนังที่รักษ์โลกด้วย ซึ่งมีกระเป๋าให้เลือกใช้ด้วยกัน 3 ขนาด ดังนี้
· M-Pouch ราคาใบละ 590 บาท ที่มีขนาดกระทัดรัดออกแบบโดยอ้างอิงจากบัตร M Pass เน้นใส่ของเล็กๆ เช่น บัตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน , บัตร ATM , ใบขับขี่ , เงินสด หรือ ที่ขาดไม่ได้เลยคือโทรศัพท์มือถือ สามารถพกไปไหนมาไหนได้ง่ายด้วยการห้อยสายคล้องคอได้
โดย ความพิเศษของกระเป๋าใบเล็กในคอลเลกชั่นเวอร์ชั่น 2 นี้ สามารถนำไปคล้องติดเข้ากับกระเป๋าใบกลางและใบใหญ่ได้ ด้วยตัวล็อก Carabiner ที่ทาง Pronto** ไปหาจากแหล่งผลิตที่ทำจากวัสดุ รีไซเคิลจากเกาะเต่า ที่มีชื่อแบรนด์ว่า Plas-Tao หรือ พลาสเต่า เป็นโปรเจกต์ของร้านเล็ก ๆ ของคนในพื้นที่เกาะเต่า ซึ่งจากการเห็นว่าเกาะเต่าไม่มีสินค้าหรือของฝากที่ขึ้นชื่อเหมือนเกาะอื่น ๆ จึงมีความคิดว่า ขยะจากเกาะเต่านี่แหละจะเป็นของฝากจากที่นี่ เพราะนอกจากจะมีของฝากที่ไม่เหมือนใครแล้ว ยังเป็นการช่วยกันลดขยะในเกาะได้อีกด้วย
- M-Pop ราคาใบละ 1,290 บาท ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากกล่องป๊อปคอร์น เป็นกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป บุด้วยผ้าพลาสติก 2 ชั้น เหมาะสำหรับใส่ของที่มากขึ้น เช่น กระเป๋าสตางค์, เพาเวอร์เเบงค์, แว่นตา, เครื่องสำอาง, หมวก, กระติกน้ำ เป็นต้น
- M-Tote ราคาใบละ 990 บาท ที่ถือติดตัวไปไหนได้ตลอดทั้งวัน ตอบโจทย์คนที่ต้องพกพาของใช้ติดตัวเยอะ หรือไปช้อปปิ้งระหว่างวัน ใบนี้เอาอยู่เก็บได้สบาย ๆ สามารถติดสายสะพายเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน หรือถ้าของไม่เยอะก็สามารถถือชิล ๆ ได้เลย
สำหรับการวางจำหน่ายจะวางจำหน่ายเฉพาะที่ Shop Pronto** และ ทาง Major Mall Official Store ผ่านออนไลน์ Shopee และ Lazada โดยจะเริ่มเปิดรับ Pre Order ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ผ่านช่องทางออนไลน์ Shopee และ Lazada รีบสั่งจองด่วน กับภาพความทรงจำและเรื่องราวสุดประทับใจของหลากหลายภาพยนตร์ที่อยู่ในกระเป๋า I am Reborn from Screen ใบนี้
ด้าน ชนาสิญจ์ สัจจเทพ ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แบรนด์ Pronto** กล่าวว่า วงการแฟชั่นกับภาพยนตร์มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน ไอดอลหรือดาราคนดังในวงการแฟชั่นก็มักจะได้รับอิทธิพลการแต่งตัวมาจากโลกของภาพยนตร์ ซึ่ง Pronto** เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่มีหนังในดวงใจหลายเรื่องที่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับสไตล์การแต่งตัว ในอีกด้านหนึ่งแฟชั่นก็มีอิทธิพลในวงการภาพยนตร์เช่นกัน ในการใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเพื่อบ่งบอกถึงเรื่องราวและยุคของหนังในเรื่องนั้น ๆ มาโดยตลอด ด้วยความเกี่ยวข้องกันของสองสิ่งนี้ จึงได้เกิดโปรเจกต์ Pronto** X Major Cineplex
สำหรับแนวคิดการออกแบบกระเป๋าจากจอหนัง ครีเอทีฟไดเรกเตอร์แบรนด์ PRONTO กล่าวว่า Pronto** เป็นแบรนด์ที่มักจะหยิบเอาประวัติศาสตร์ หรือ เรื่องราวในอดีต มาผลิตเป็นสินค้า ซึ่งคอลเลกชั่นนี้มีคอนเซ็ปต์เป็นฟิล์มขาวดำ Mood & Tone ของกระเป๋าจึงใช้เป็นสีขาวและสีดำ โดย Key Graphic ได้แรงบันดาลใจมาจากกราฟิกการนับถอยหลัง เพื่อเข้าสู่การฉายหนังในสมัยก่อน มาดีไซน์ผสมผสานเข้ากับสัญลักษณ์ Recycle จึงกลายมาเป็น Key Graphic ของคอลเลกชั่นนี้
Related