ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับ TMA จัดงาน CEO Forum ดึงผู้นำองค์กรรัฐ-เอกชนชั้นนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หนุนภาคเอกชนมีส่วนร่วมออกแบบนโยบายสาธารณะ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ “ผยง ศรีวณิช” กางโรดแมปสมาคมธนาคารไทย หนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล ยกระดับภาคธุรกิจไทย
สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย จัดงาน CEO Forum : Public Policy that Serves เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้นำองค์กรภาครัฐ และภาคเอกชน เกี่ยวกับความสำคัญของนโยบายสาธารณะต่อการขับเคลื่อนประเทศ โดย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย ปาฐกถาพิเศษเรื่อง บทบาทนโยบายสาธารณะต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากนางเคอร์สตี้ คัลยูไลด์ อดีตประธานาธิบดีประเทศเอสโตเนีย นาย อาร์ตูโร่ บรี ผู้บริหารจากสถาบัน IMD World Competitiveness Center ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และศาสตราจารย์คิชอร์ มาบูบานี จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำที่เข้าร่วมงานกว่า 80 องค์กร
นายนิธิ ภัทรโชค ประธานสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เกิดจากการตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายสาธารณะในการขับเคลื่อนศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยในเวที World Economic Forum ชี้ให้ทุกประเทศหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นว่า จะทำให้นโยบายสาธารณะปลดล็อกการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงเปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายได้อย่างไร เพื่อให้นโยบายสาธารณะสามารถสนับสนุนภาคเอกชนให้เติบโตได้เต็มศักยภาพ และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ภายใต้มหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก นโยบายสาธารณะยิ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ที่จะขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ ทั่วถึง และยั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ซึ่งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล จำเป็นต้องกำหนดเป็นนโยบายสาธารณะ เพื่อเป็นแนวทางในการวางโรดแมปให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ภาคธุรกิจธนาคาร มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบการเงินของประเทศ โดยสมาคมธนาคารไทย ได้กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงาน 3 ปี เพื่อพัฒนาระบบการเงินรองรับการเปลี่ยนแปลง เพิ่มประสิทธิภาพบริการ สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและทำให้สามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมุ่งเน้น 4 ด้าน คือ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศด้วยเทคโนโลยี ยกระดับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งการค้าในภูมิภาค การพัฒนาระบบการเงิน เพื่อสนับสนุนความยั่งยืน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นอกจากนี้ สมาคมธนาคารไทย ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการแก้ไขปัญหาของประเทศ เช่น การกระจายวัคซีนโควิด-19 ผ่านการจัดศูนย์บริการฉีดวัคซีน พร้อมใช้แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในการลงทะเบียนยืนยันตัวตนในการรับวัคซีน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับกระทรวง กทม. รวมถึงสำนักงานประกันสังคม ได้นำข้อมูลในแพลตฟอร์มเป๋าตัง ไปประกอบการตัดสินใจในการทำโนบายต่างๆ ทั้งนี้แอปฯ เป๋าตัง ถูกออกแบบให้เป็น Thailand Open Digital Platform เปิดกว้างให้ทุกคนใช้งานได้อย่างสะดวก และทั่วถึง ทำให้ได้รับความไว้วางใจนำไปใช้ให้บริการอื่นๆ นอกเหนือจากบริการทางการเงิน ตอบโจทย์ความจำเป็นของสาธารณะ และทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น ทั้งในด้านการออมและการลงทุนผ่านวอลเล็ต สบม. หุ้นกู้ดิจิทัล และ Gold Wallet รวมถึงบริการด้านสุขภาพ ผ่าน Health Wallet ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการเข้าถึงระบบประกันสุขภาพสำหรับคนหลายล้านคน
“จากประสบการณ์การพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผ่านมา ได้เรียนรู้ว่าเทคโนโลยีไม่ใช่เป้าหมาย เป็นเพียงวิธีการไปสู่เป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Blockchain Cloud AI Web3.0 และ Security Protocols จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับเป้าหมาย และ Pain Point ที่ต้องการแก้ไข โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อตอบโจทย์สาธารณะ ควรเป็น Open Platform ที่รองรับการใช้งานปริมาณมากได้อย่างมีเสถียรภาพและเชื่อถือได้ สามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ใน Ecosystem แม้ใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน เพื่อประโยชน์สูงสุดของสาธารณะ”
Related