- สยามดิสคัฟเวอรี่ มุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์แปลกใหม่น่าตื่นเต้นเร้าใจให้ทุกคนเข้ามาค้นพบ ระดมเปิดตัวร้านใหม่แม็กเน็ตใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิด K-Fashion82 ที่ผนึกกำลังกับ Shinsegae ห้างสรรพสินค้าลักซ์ชัวรี่อันดับ 1 ในเกาหลีใต้ นำเข้าแบรนด์แฟชั่นเปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย
- เปิดตัว Flavor Lab โซเชียลคอมมูนิตี้และร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี แม็กเน็ตใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการค้นหาประสบการณ์ร้านอาหารใหม่ๆ
- จัดเต็มรับเทศกาลแห่งความสุข ยืนหยัดเป็น Gifts Destination ยกขบวนสินค้าใหม่ คอลเลคชั่นใหม่ พร้อมรับเทศกาลแห่งความสุขช่วงไฮซีซั่น สำหรับคนที่กำลังมองหาของขวัญสุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ตอกย้ำการเป็น The Biggest Arena of Lifestyle Experiments ที่เปรียบเสมือนสนามประลองพลังอำนาจแห่งความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยประสบการณ์สุดตื่นเต้นเร้าใจ พร้อมให้ทุกคนเข้ามาค้นพบ (Experiment), สร้างสรรค์ (Create) และพัฒนา (Cultivate) ได้ไม่รู้จบ มุ่งมั่นในการนำเสนอทุกเทรนด์และไลฟ์สไตล์ที่เป็นที่นิยมจากทุกมุมโลกมาให้สัมผัสอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดเปิดร้านค้าและแบรนด์ใหม่กว่า 15 แบรนด์ อาทิ K-Fashion82 มัลติแบรนด์แฟชั่นจากเกาหลี และเปิด Flavor Lab โซเชียลคอมมูนิตี้รวมร้านอาหารดังแห่งใหม่ใจกลางกรุง สยามดิสคัฟเวอรี่ยังยืนหยัดเป็น Gifts Destination ศูนย์รวมแห่งของขวัญสุดพิเศษที่คัดสรรไว้ในทุกโอกาส สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ คัดสรรสินค้าแบรนด์ดัง มหกรรมของขวัญ พร้อมกิจกรรมอีเว้นท์มอบความสุขที่สร้างสรรค์ร่วมกับศิลปินระดับโลก
ยกขบวนร้านใหม่ แม็กเน็ตใหม่ สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้ทุกคนมาค้นพบ ดึงดูดทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นางสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยามดิสคัฟเวอรี่ยังคงมุ่งมั่นที่เปิดต้อนรับและเชิญชวนทุกคนมาเล่นสนุกด้วยกัน หรือ Come Play With Us ให้ทุกคนสนุกสนานไปกับการทดลองสินค้าใหม่ๆ ไอเดียแปลกๆ สุดล้ำ พบปะสังสรรค์รูปแบบใหม่ๆ สยามดิสคัฟเวอรี่เจาะกลุ่มทุกเพศทุกวัยที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบคนรุ่นใหม่ โดยมีกลยุทธ์สร้างแม็กเน็ตใหม่นำเสนอสิ่งแปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง สยามดิสคัฟเวอรี่ จึงให้ความสำคัญในการนำเสนอร้านค้าแบรนด์ดังใหม่ๆ ตอบรับคอมมูนิตี้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาสยามดิสคัฟเวอรี่ได้รับเกียรติจากร้านโดนัทชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา คือ Duck Donuts มาเปิดร้านเป็นแห่งแรกในเอชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีคอนเซ็ปต์ WARM, DELICIOUS MADE TO ORDER” อุ่น อร่อย ทำสดใหม่ทุกออเดอร์ ที่ชั้น M สยามดิสคัฟเวอรี่
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 สยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ Shinsegae ห้างสรรพสินค้าลักซ์ชัวรี่อันดับ 1ในเกาหลีใต้ เปิดป็อบอัพสโตร์ K-fashion82 ร้านมัลติแบรนด์แฟชั่น ที่ชั้น 2 นำเสนอแบรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงของเกาหลีใต้รวม 9 แบรนด์ ประกอบด้วยแบรนด์ RYU CLASSIC, GRACE U, SEMICODE, FROMYITH, ADD STUDIO, TEENY TIGER, JIMINLEE, ALICE MARTHA, LIME LIKE นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม 2566 สยามดิสคัฟเวอรี่ มีบิ๊กโปรเจคสำหรับเหล่าแฟนดอมได้เซอร์ไพรส์ โดยจะเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ การนำเสนอร้านค้าใหม่ๆ สร้างแม็กเน็ตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จให้สยามดิสคัฟเวอรี่มาอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ต้นปี สยามดิสคัฟเวอรี่ได้สร้างปรากฏการณ์และกระแสฮือฮา นำเสนอ K-Culture สุดฮอตมาสู่ประเทศไทย มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่มีความแตกต่างไม่มีใครเหมือน จึงเป็นที่มาของความสำเร็จของสยามดิสคัฟเวอรี่ ที่ชูธงการนำเสนอเทรนด์ K-Culture อย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ การนำ Carlyn แบรนด์กระเป๋าชื่อดังจากเกาหลีใต้ มาเปิด Carlyn Popup Boutique แห่งแรกแห่งเดียวในประเทศไทย สร้างกระแสต่อคิวพรีออเดอร์และเป็นสินค้าสุดฮอต การเปิด Boggle Boggle K-Ramyun Pop-up Shop ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นการร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างประเทศ ผนึกกำลัง INNOCEAN เอเจนซี่ระดับโลกในเครือ ฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป เปิดร้านให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสกับราเมนเกาหลีสุดฮอตจากเกาหลีใต้ ที่ไม่ได้นำเสนอเพียงวัฒนธรรมการรับประทานอาหารระดับตำนาน แต่ยังมอบประสบการณ์แปลกใหม่ให้สนุกไปกับเทรนด์และไลฟ์สไตล์สุดฮอตของชาวเกาหลีในแบบออริจินัลอีกด้วย นอกจากนี้กระแส K-Culture ยังมีร้านอาหาร Sundububu & Mil Toast Express รวมทั้งแฟชั่นยอดนิยมที่เปิดเป็นที่แรกในประเทศไทย ทั้ง Mardi Mercredi, EMIS ที่เหล่าไอดอลเกาหลีคนดังนิยมสวมใส่
เปิดโซนใหม่ Flavor Lab ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
โจเซฟ เตียว ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ไฮไลท์สำคัญของสยามดิสคัฟเวอรี่ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในปลายปีนี้ คือ การปรับพื้นที่ของชั้น 3 ทั้งหมด ให้เป็นโซเชียลคอมมูนิตี้และพื้นที่ของร้านอาหารใหม่ล่าสุดที่เข้ามาเปิดในสยามดิสคัฟเวอรี่ โดยเรียกพื้นที่นี้ว่า Flavor Lab ซึ่งเป็นการตอบสนองพฤติกรรมความต้องการของลูกค้า และเป็นไปตามกลยุทธ์ในการขยายช่วงเวลาที่ลูกค้าใช้ภายในศูนย์ฯ
Flavor Lab เป็นโซเชียลคอมมูนิตี้และร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี นำเสนอร้านอาหารใหม่ๆ ทั้งไทยและนานาชาติ อาทิ อาหารจีน เกาหลี รวมถึงอาหารนานาชาติยอดนิยมโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ เหล่าฟู๊ดเลิฟเวอร์ผู้ชื่นชอบอาหารจะได้ค้นพบกับรสชาติที่เหมาะกับทุกความต้องการ และทุกโอกาสที่ Flavor Lab บนชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม” โดยในการเปิดตัว Flavor Lab มีร้านอาหารใหม่ที่เข้ามาเปิดพร้อมกันซึ่งมีความหลากหลาย มีทั้งร้านที่เปิดตัวเป็นครั้งกแรกในประเทศไทย และร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ อาทิ อาทิ Bornga ร้านปิ้งย่างเกาหลีชื่อดังดังของเซเลบริตี้เชฟแบคจงวอนที่มีชื่อเสียงมากที่เกาหลีใต้, Kagonoya ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวพรีเมี่ยมชาบู, Kungthong Seafood ร้านอาหารไทยชื่อดังเรื่องซีฟู๊ดรสจัดจ้านตามตำหรับไทย, และ Roberta’s ร้านอาหารจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวครั้งแรกในไทยที่สยามดิสคัฟเวอรี่ ขึ้นชื่อด้านพิซซ่าสุดอร่อยที่มิชลินไกด์นิวยอร์คแนะนำ โดยจะเปิดภายใน ม.ค. 2567 นี้
ทั้งนี้ กลางเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา สยามดิสคัฟเวอรี่ได้มีร้านอาหารใหม่ ที่เปิดให้บริการแล้ว ได้แก่ Babyccino & Co. ร้านอาหารสุดฮอตเสิร์ฟความอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะ All-day brunch ที่มีให้เลือกหลากหลาย และยังเป็นเคาฟ่ที่จัดเต็มทั้งเบเกอรี่และกาแฟ เปิดแล้ววันนี้ที่ ชั้น G สยามดิสคัฟเวอรี่ ทำให้ปัจจุบัน สยามดิสคัฟเวอรี่ มีร้านอาหารทั้งที่เปิดแล้วและที่กำลังจะเปิดในคอนเซ็ปต์ Flavor Lab รวม 12 ร้าน รวมพื้นที่มากกว่า 2,500 ตารางเมตร
เพื่อฉลองการเปิด Flavor Lab และต้อนรับเทศกาลแหงความสุข สยามดิสคัฟเวอรี่ ได้นำเสนอ Siam Gift Card Flavor Lab ที่เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลแห่งความสุข และทุกโอกาส โดยสามารถซื้อสยามกิ๊ฟท์การ์ดนี้ เพื่อนำไปใช้ในร้านอาหารสุดฮอตต่างๆ ใน สยามดิสคัฟเวอรี่ ได้แก่ Babyccino & Co., Bornga, Duck Donuts, Kagonoya, Kungthong Seafood, Starbucks , Sundububu & Mil Toast Express , และ Thesis จำหน่ายในราคา 9,000 บาท พิเศษรับ Siam Gift Card มูลค่า 1,000 เพิ่มอีกหนึ่งใบ รวมเป็นมูลค่า 10,000 บาท พร้อมรับส่วนลดและสิทธิพิเศษมากมาย
สร้างความต่าง คัดสรรสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟไม่เหมือนใคร ยืนหยัดการเป็น Gifts Destination
นางอุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “เทศกาลแห่งความสุขในช่วงเฟสทีฟปลายปี เป็นช่วงไฮซีซั่นที่ลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมีการจับจ่ายมากที่สุดของปี สำหรับในปีนี้ สยามดิสคัฟเวอรี่พร้อมและจัดเต็มในการมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกคนยืนหยัดการเป็น Gifts Destination ศูนย์รวมแห่งของขวัญสุดพิเศษที่คัดสรรไว้ในทุกโอกาส สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ยกขบวนพาเหรดมหกรรมของขวัญสำหรับทุกๆ คน ในทุกชั้นทุกแผนก มุ่งเน้นสร้างความต่าง คัดสรรสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟไม่เหมือนใคร โดยมีไฮไลท์ ดังนี้
ดิสคัฟเวอรี่ รีเทล
สินค้ากลุ่มแฟชั่นชวนค้นพบความสุขแบบ The Exploratorium ด้วยสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟหลากหลาย ทั้ง เสื้อผ้า กระเป๋า แอ็คเซสเซอรี่รุ่นพิเศษที่สยามดิสคัฟเวอรี่เท่านั้น อาทิ Carlyn รุ่น Exclusive Soft mini, แบรนด์ แฟชั่นสตรีทสไตล์ Fear of god essential และ Supreme ที่ Outcast store, แฟชั่นไทยดีไซเนอร์สุดฮอต ได้แก่ Stolen Stores แบรนด์ไทยที่ดังไกลไปอยู่ในหลายประเทศ, Kemissara ดีไชน์เนอร์ไทยที่ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 สาขาออกแบบจากลอนดอน, Rally Movement แบรนด์มีกระแสทั้งต่างชาติและคนไทย
ด้าน Marimekko นำเสนอคอลเลคชั่นพิเศษ Mari Made เหมาะสำหรับเลือกเป็นของขวัญด้วยแนวคิดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้ง กระเป๋าใส่เหรียญ แก้วน้ำ เทียน ขวดน้ำพกพา, มัลติแบรนด์ POP-UP SHOPBOLD รวมแฟชั่นชั้นนำ อาทิ CULT GAIA จากลอสแอนเจลิส และ MIAOU จากฝรั่งเศส, รองเท้าวิ่งสุดร้อนแรงแห่งปีแบรนด์ ON จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยคุณสมบัติเบาสบาย การกระแทกได้ดี ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ ดิสคัฟเวอรี่ รีเทล คัดสรรและเลือกอย่างประณีต ตอบโจทย์นักช้อปทั้งไทยและต่างชาติ
สำหรับปี 2567 สยามดิสคัฟเวอรี่ยังนำเสนอสินค้าแปลกใหม่อย่างต่อเนื่องอีกมากมาย ตอกย้ำการเป็น Best K-Street Fashion Hub และนำเสนอแบรนด์สินค้าล้ำเทรนด์สุดฮอตจากทั่วโลก รวมทั้งมีการพัฒนาพื้นที่รูปแบบใหม่เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ใหม่ๆ ในสยามดิสคัฟเวอรี่อีกมากมาย
ECOTOPIA
อีโค่โทเปีย เมืองแห่งคนรักษ์โลกที่ทุกคนมีความเชื่อว่า “เราสร้างโลกให้ดีขึ้นได้ด้วยกัน” Together, We Co-Create a Better World จับกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ ดังนั้นในปีนี้จึงสร้างของขวัญในคอนเซ็ปต์ “ยิ่งให้ ยิ่งลด” ไม่ว่าจะเป็นกระเช้าปีใหม่ หรือ Travel set ด้วยสินค้าใช้วัตถุดิบรีไซเคิล นำมาผ่านกระบวนการผลิตให้เกิดเป็นของใหม่ เป็นของขวัญที่ตอบโจทย์คนรักษ์โลก ทั้งเสื้อผ้า กระบอกน้ำ ครีมบำรุง เครื่องสำอาง เป็นต้น เป็นที่มาของของขวัญที่ยิ่งให้ความสุขกับผู้อื่น ยิ่งเป็นการช่วยโลกของเราอีกด้วย
ไฮไลท์ในปีนี้ ยังมีการทำคอลลาบอเรชั่นกับทางศิลปินแนวหน้าของประเทศไทย อาทิ munins, fahfahfahs, และ Peachful ภายใต้ concept “Decarbonization” ช่วยลดการเกิดคาร์บอนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจนเหลือศูนย์ โดยเป็นการถ่ายทอดผ่านงานศิลปะลายเส้นลงบนสินค้า อาทิ เสื้อยืดที่ทำจากขวดพลาสติกภายใต้โครงการ “360 Siam Piwat 360 waste journey to zero waste”
LOFT
ลอฟท์ สเปเชียลตี้สโตร์ชื่อดังจากญี่ปุ่น สร้างเซอร์ไพรส์ส่งท้ายปีด้วยแคมเปญ “LOFT THE WORLD OF ULTIMATE GIFTS” เสิร์ฟความสุขส่งท้ายปี ไฮไลท์จากลอฟท์ในปีนี้ คือ สินค้าคาแรกเตอร์หมียักษ์สีชมพู Bellygom ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกด้วยไอเทมลิขสิทธิ์แท้ Bellygom อาทิเช่น ตุ๊กตาเบลลีกอม ถุงเท้าเบลลีกอม ผ้าเช็ดตัวหรือกระเป๋าผ้าแคนวาสลวดลายเบนลีกอม เป็นต้น และยังมี “Warbie” นกเหลืองคาแรคเตอร์ยอดฮิต ผลิตสินค้า Exclusive Only @ LOFT นอกจากนี้ ลอฟท์ได้จัดอีเว้นท์พิเศษ PLAY LINE FRIENDS POP UP STORE นำ BIG TATA ตัวใหญ่ยักษ์มาอวดโฉมกลางเมือง พร้อมกับมีโฟโต้บู๊ธเฟรมพิเศษสำหรับช่วงเทศกาล พร้อมสินค้า Christmas ornament, ตุ๊กตา BIG TATA และผองเพื่อน และสินค้าอีกมากมาย
นอกจากนี้ ลอฟท์ยังคงนำเข้าสินค้าของขวัญส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นสมุดไดอารี่, สมุดโน๊ต, สมุดแพลนเนอร์ จากแบรนด์ Hobonichi, สินค้า Stationary จากแบรนด์ Coco and wondrous gang, Barbapapa, Anne Imai ที่มีทั้งปฏิทินสุดน่ารัก, สมุด, พวงกุญแจ และกระเป๋าดินสอลวดลายใหม่ๆ ที่พร้อมจะมาเติมเต็มวันธรรมดาให้สนุกยิ่งกว่าเดิม
สำหรับปี 2567 LOFT วางแผนบุกตลาดกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ สร้างความแข่งแกร่งในการเข้าหาตลาดใหม่ ด้วยการ Co-create & Collaboration กับหลากหลายแบรนด์ดังในรูปแบบต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยนำเสนอสินค้า Only @LOFT ที่จะทำให้ลูกค้าติดตามสินค้าสุดพิเศษและสะสม ที่มีที่ลอฟท์เท่านั้น อาทิ สินค้าลิขสิทธิ์จากการ์ตูน เกมส์ หรือศิลปินชื่อดัง รวมถึงตำนานอนิเมชั่น ขณะเดียวกันจะมีกิจกรรมและแคมเปญต่างๆ เกิดขึ้นมากมายตลอดทั้งปีตอกย้ำคอนเซ็ปท์ “Everyday Surprise” ของลอฟท์นั่นเอง
เปิดเทศกาลแห่งความสุขด้วยการคอลลาบอเรชั่นระดับโลกในงาน “Sustainable Living X’mas Tree 2023” ซิกเนเจอร์เซเลเบรชั่นในแบบสยามดิสคัฟเวอรี่
นอกจากการมอบของขวัญให้ลูกค้าทุกคนด้วยการนำเสนอร้านค้าใหม่ๆ พื้นที่ใหม่ๆ รอให้การต้อนรับลูกค้าในช่วงเทศกาลแห่งความสุขแล้ว สยามดิสคัฟเวอรรี่ยังจัดเต็มด้วยการเนรมิตบรรยากาศในช่วงเฟสทีฟซีซั่น ด้วยผลงานคอลลาบอเรชั่นระดับโลก โดยปีนี้สยามดิสคัฟเวอรี่ลงทุนงบส่งเสริมการตลาดส่งท้ายปี กว่า 50 ล้านบาท
สยามดิสคัฟเวอรี่ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขจัดงาน “Sustainable Living X’mas Tree 2023” ปรากฏการณ์คอลลาบอเรชั่นระหว่างสยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ Bellygom หมีสีชมพูขี้เล่นสุดน่ารักที่โด่งดังจากเกาหลีใต้ และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC พร้อมสร้างรอยยิ้มและมอบความสุขให้ทุกคน Bellygomได้รับความนิยมอย่างมากในเกาหลีใต้และเคยสร้างผลงานร่วมกับแบรนด์ดังมาแล้วมากมาย อาทิ Applary, Barrel, Krispy Kreme, Nivea , Wiggle Wiggle เป็นต้น อีกทั้งยังมอบความพิเศษด้วยกระดาษห่อของขวัญลายหมี Bellygom และพบกับสินค้าของขวัญสุดพิเศษคาแรคเตอร์ Bellygom วางจำหน่ายที่ร้านลอฟท์ ชั้น 2 สยามดิสคัฟเวอรี่
ในทุกปี สยามดิสคัฟเวอรี่ซึ่งยืนหยัดในการณรงค์ด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด โดยได้ร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC นำเสนอต้นคริสต์มาสรักษ์โลกในรูปแบบต่างๆ ถือเป็นซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใครมาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือในปีที่ 6 นี้ จึงเป็นการส่งต่อแรงบันดาลใจในการเทิร์นพลาสติกใช้แล้วกลับมาสร้างคุณค่า..ให้พลาสติกเทิร์นเมือง ด้วยไอเดียการออกแบบสร้างสรรค์เป็นต้นคริสต์มาสรักษ์โลกที่อัพไซเคิลจากพลาสติกใช้ประเภท HDPE โดยปีนี้จะมี Bellygom เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ Sustainable Living X’mas Tree 2023 พิเศษและสดใสเพิ่มขึ้น ซึ่งจะจัดแสดงให้ชม ณ ดิสคัฟเวอรี่พลาซ่า ระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ไปจนถึง 14 มกราคม 2567
“สยามดิสคัฟเวอรี่เชื่อมั่นว่า การเปิดตัวร้านใหม่และแผนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่จัดมาเต็มพิกัด เป็นการเตรียมการมาอย่างดีเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตอกย้ำและยืนหยัดการเป็น Gifts Destination อย่างแท้จริง โดยสามารถสร้างทราฟฟิกได้ประมาณ 50,000-70,000 คนต่อวัน และทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นกว่า 10-15%” นางสรัลธร กล่าวเสริม