คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% อย่างไรก็ดีสำหรับมุมมองเศรษฐกิจไทยของ กนง.ในปีนี้และปีหน้านั้นไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก จากปัญหาของภาคการส่งออกของไทยรวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่ฟื้นตัวดี
กนง. ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% โดยให้เหตุผลถึงการคงดอกเบี้ยว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ภาคการส่งออกและการผลิตที่เกี่ยวข้องชะลอลง ในปี 2023 และ 2024 เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวอย่างสมดุลขึ้น จากอุปสงค์ในประเทศ การท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคการส่งออก
การคงอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลากหลายสถาบันการเงินให้มุมมองกลับมาตรงกันอีกครั้ง โดยผลสำรวจของ Bloomberg นักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 22 คนคาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ย สอดคล้องกับผลสำรวจของสำนักข่าว Reuters ที่ได้สำรวจนักเศรษฐศาสตร์มากถึง 28 คนก็ต่างมองว่ามีการคงอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ กนง. ยังมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% ที่เพิ่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายเดือนกันยายนนั้นมีความเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาวและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
แต่ในการประชุม กนง. ครั้งนี้ทางคณะกรรมการเองได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต 2.4% ในปีนี้ และ 3.2% ในปีหน้า แต่ถ้าหากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) อัตราการเติบโตในปี ของ GDP ไทยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ปรับลดลง 4.4% จากที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน
ขณะเดียวกัน กนง. ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ซึ่งได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีตามการใช้จ่ายในหมวดบริการ รวมทั้งแรงสนับสนุนจากการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ดีภาคการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด โดยสาเหตุส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีนและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ทางด้านคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อนั้น กนง. มองว่าในปีนี้ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ 1.3% ขณะที่ในปีหน้าจะอยู่ที่ 2% แต่ถ้าหากรวมผลของ Digital Wallet จะอยู่ที่ 2.2%
กนง. ยังประเมินภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้นบ้าง โดยต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนโน้มสูงขึ้นตามการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมา แต่ยังมองว่าในภาพรวมนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
โดยการประชุมของ กนง. ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2023 และเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา
มุมมองของสถาบันการเงินอื่นๆ Goldman Sachs มองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยยาวไปถึงสิ้นปี 2024 และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 2.5%
ในขณะที่ทางบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกบทวิเคราะห์มองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยยาวไปถึงสิ้นปี 2024 เช่นกัน โดยมองว่าถ้าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายนั้นเนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อที่สูงจากปัญหาเอลนีโญ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ หรือแม้แต่นโยบายประชานิยมของรัฐบาล แต่ถ้าโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นมาจากโครงการ Digital Wallet เลื่อนออกไป รวมถึงโอกาสที่เศรษฐกิจไทยโตช้ากว่าคาด