ทุกวันนี้ เรามักได้เห็นการทำการตลาดสินค้าแบรนด์หรูบนโลกออนไลน์บ่อยครั้งขึ้น นั่นเป็นเพราะความต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในโลกยุคใหม่ ซึ่งทุกวันนี้ ผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงในไทยล้วนนิยมใช้เวลาโลกบนออนไลน์กันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทั้งสิ้น สำหรับประเทศไทยนั้น แน่นอนว่า หนึ่งในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แบรนด์หรูนิยมใช้งานอย่างหลากหลาย เพื่อเข้าถึงคนไทยก็คือ LINE นั่นเอง
ในงาน LUXURY DAY 2023 จัดโดย LINE ประเทศไทย ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อเร็วๆ นี้ กัญชลี สำลีรัตน์ นักการตลาดและนักการสื่อสารยุคใหม่ นภสิรี แสงจันทร์ Senior Strategic Planning Manager จาก IMAG และนพนริศร์ เลียวพานิช กรรมการผู้จัดการ จาก GROUP Z INTERNATIONAL ได้ร่วมวงเสวนาแบ่งปันประสบการณ์การความสำเร็จและเล่าถึงกรณีศึกษาในการใช้แพลตฟอร์ม LINE เป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับลูกค้า ด้วย 3 แง่มุมที่น่าสนใจ โดยบทความนี้จะขอนำเสนอประเด็นรวม เพื่อเป็นเกร็ดความรู้สำหรับนักการตลาดแบรนด์หรูยุคใหม่กัน
LINE สร้างเครื่องมือการตลาดยุคใหม่
ก่อนหน้านี้แบรนด์หรูจำนวนมากไม่มี Online Ecosystem ของแบรนด์ที่ครบถ้วนเท่าใดนัก ไม่ว่าจะเป็นด้าน E-Commerce หรือด้าน Social Media ที่เป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ดังนั้น การเชื่อมต่อกับลูกค้าในแบบออนไลน์ เพื่อที่จะสื่อสารจนทำให้เกิด Conversion แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในอดีต
LINE เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการสื่อสารและเสริมประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกทัชพ้อยของแบรนด์ ตั้งแต่การเชื้อเชิญลูกค้าเข้ามารู้จักกับแบรนด์ผ่านการติดตามบน LINE Official Account หรือ LINE OA สื่อสารสิ่งที่ลูกค้าสนใจ สร้างกิจกรรมบนออนไลน์ที่สร้าง Engagement สามารถออกแบบเส้นทางเพื่อเชิญชวนมาสู่ช่องทางออฟไลน์ได้ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นในการสื่อสารแบบสองทาง เพื่อให้แบรนด์สามารถพูดคุย ให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัว ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ลูกค้าแบรนด์หรูต้องการ และเมื่อมีการสร้างสัมพันธ์ที่ดีได้ จะสามารถทำให้เกิด Conversion ได้ในที่สุด และในตลอดเส้นทางนั้น ยังมีเครื่องมือมากมาย ที่สามารถช่วยแบรนด์ในการเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ ช่วยให้แบรนด์สามารถนำกลับมาใช้เพื่อทำการสื่อสารแบบ Personalized ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำการตลาดของแบรนด์หรูบนโลกดิจิทัล
โดยได้มีการเผยถึงกรณีตัวอย่างของหลายแบรนด์หรูที่ใช้งาน LINE เพื่อสร้างประสบการณ์ Personalized ให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น Gucci กับแคมเปญ Quiz & Best Friend Trophy โดยได้ออกแคมเปญให้ผู้ติดตามบน LINE OA ของแบรนด์ สามารถสร้างพาสปอร์ตวางแผนการเดินทาง และแชร์ให้เพื่อนมาสนุกร่วมกันได้ พร้อมการ Tie In สินค้าต่างๆ ของแบรนด์บนแผนการเดินทางที่ถูกสร้างขึ้น โดยแคมเปญนี้ ไม่เพียงสร้าง Awareness ให้แบรนด์ แต่ยังสร้าง Engagement และแชร์ไปให้ผู้อื่นเพื่อเพิ่มการรับรู้ได้ด้วย
อีกแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์ OMO ได้ดี คือ VAN ภายใต้แคมเปญ Off The Wall ที่เชิญชวนผู้ติดตาม LINE OA เข้าร่วมอีเวนต์พิเศษที่จัดขึ้น โดยชวนให้สร้าง Avatar ของตัวเองก่อนร่วมงาน และเมื่อไปถึงงาน อุปกรณ์ LINE Beacon จะส่งสัญญาณแจ้งเตือน เพื่อให้ผู้ติดตามนำ Avatar ที่สร้างไว้มาถ่ายรูปร่วมกับ Digital Wall ในงานได้อย่างสนุกสนาน สร้างประสบการณ์ที่ Personalized น่าประทับใจให้กับผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี
LINE สร้างแบรนด์เลิฟ
การจะทำให้ลูกค้ารักแบรนด์ การสร้างความประทับใจเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับแบรนด์หรู โดย 2 กลยุทธ์สำคัญที่จะให้ลูกค้าเกิดความประทับใจจนเกิดแบรนด์เลิฟได้คือ Creativity และ Personalization
แบรนด์ Valentino เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำ Creativity มาใช้เพื่อสร้างแบรนด์เลิฟผ่านแคมเปญโปรโมทกระเป๋า ONE STUD โดยในแคมเปญนี้ มีทั้งการสร้างกิจกรรมสุดว้าว ปิดคาเฟ่สุดฮิปและแปลงโฉมเป็นโชว์รูมของผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ สร้างความว้าวให้กับผู้ที่ได้เยี่ยมชม โดยใช้ LINE เป็นเครื่องมือในการโปรโมทและชวนกลุ่มเป้าหมายเข้าเยี่ยมชม อีกทั้งยังมีการสร้างกิจกรรมที่ทำให้ลูกค้าต้องกลับมาที่ร้าน สร้างโอกาสในการเกิด Conversion ได้ แถมสร้างแบรนด์เลิฟด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนลูกค้าประทับใจ
ในขณะที่แบรนด์ Gucci ได้สร้างประสบการณ์แบบ Personalized บน LINE ได้ดีเช่นกัน โดยสร้างกิจกรรมออนไลน์บน LINE ให้ลูกค้าสามารถ Engage กับแบรนด์ โดยนำไอคอนต่างๆ มาสร้างเป็นวอลเปเปอร์ดิจิทัลที่ออกแบบเองได้ และสามารถแชร์ให้เพื่อนได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในการทำกิจกรรมเหล่านี้ แบรนด์ควรออกแบบเส้นทางการร่วมกิจกรรมให้ลูกค้ามีการตอบแบบสอบถาม หรือเลือกสิ่งที่ชอบเพื่อเป็นการเก็บข้อมูลของลูกค้าไปด้วยในตัว เพื่อเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาใช้สร้างคอนเทนต์ เพื่อทำการสื่อสารเฉพาะบุคคลได้ในอนาคต สร้างความประทับใจต่อเนื่องได้
LINE สร้าง Conversion
เมื่อการแจกใบปลิว โบรชัวร์เพื่อโปรโมทร้านใหม่ หรือสินค้าใหม่ เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับแบรนด์หรูในยุคปัจจุบัน กลยุทธ์ O2O และ OMO มักถูกนำมาใช้ โดย LINE เป็นเครื่องมือที่แบรนด์สามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ ออกแบบเส้นทางการเข้าถึงลูกค้า และเชิญชวนลูกค้าให้เข้ามามีประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรณีศึกษาที่ชัดเจนในเรื่องนี้ คือ แคมเปญ VLOGOPACE ของแบรนด์ Valentino เพื่อโปรโมทบูติกโฉมใหม่และสินค้าใหม่ โดยได้ทำกลยุทธ์ O2O ผ่าน LINE ด้วยการส่งข้อความหาลูกค้าผู้ติดตามบน LINE OA และให้ลูกค้าเข้าร่วมเล่นเกมจากข้อความที่ได้รับ หลังเล่นแล้วหากชนะ จะได้รับข้อความตอบรับให้กรอกข้อมูลเพื่อยืนยัน และนำไปรับของขวัญที่บูติกใหม่ โดยวิธีนี้ ทำให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ ช่วยสร้างจำนวนลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น และนำไปสู่การเปิดโอกาสปิดการขายได้มากขึ้นด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียว ได้นก 3 ตัวเลยทีเดียว
สุดท้าย ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 ยังได้แนะนำอีกว่า ตอนนี้ LINE กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของแบรนด์หรูไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หากมีแบรนด์ใดยังไม่ได้ใช้งาน และอยากลองเริ่มใช้งาน อาจจะลองกับสินค้าหรูที่เข้าถึงได้ง่ายก่อน อาทิ เครื่องสำอางค์ น้ำหอม เสื้อยืด หรือแม้แต่สินค้ารุ่นพิเศษสำหรับตลาดประเทศไทย เป็นต้น นอกจากนั้น แบรนด์ต้องอย่าลืมว่า ผู้มีกำลังซื้อสำหรับสินค้าหรูนั้น ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่อยู่ในหัวเมืองทั่วประเทศ ดังนั้น LINE จึงเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถช่วยในการเข้าถึงลูกค้าคนไทยได้ครอบคลุมและทั่วถึงมากที่สุด สำหรับธุรกิจสินค้าหรูที่สนใจดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์ม LINE สามารถติดต่อได้ที่ [email protected]
#LuxuryDay2023 #LINEforBusiness #LINEThailand