ดร.ยรรยง ไทยเจริญ (กลาง) รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ WEALTH ธนาคารไทยพาณิชย์ นำทีมผู้บริหารจัดงาน SCB First Exclusive Dinner ให้แก่กลุ่มลูกค้า First เพื่อเปิดมุมมองวิเคราะห์เจาะลึกภาพรวมเศรษฐกิจ การลงทุนระดับโลก พร้อมกลยุทธ์การเลือกสินทรัพย์ลงทุนเพื่อต่อยอดความมั่งคั่ง ในปี 2024 โดยมี นายศรชัย สุเนต์ตา (ที่ 1 ขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณรัฐยา ทองรัตน์ (ที่ 2 ขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth Strategy and Enablement ธนาคารไทยพาณิชย์ คุณนายสุกิจ อุดมศิริกุล (ที่ 1 ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด และ ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ (ที่ 2 ซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมงานสัมมนา ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ เมื่อเร็วๆนี้
โดยวัตถุประสงค์การจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนในปี 2024 ให้กับกลุ่มลูกค้า First ของธนาคาร ซึ่งในปี 2023 นับเป็นปีที่มีความท้าทาย จากภาวะลงทุนในตลาดโลกที่มีความผันผวนตลอดทั้งปี โดยคุณ สุกิจ อุดมศิริกุล มองว่า ในปี 2024 ดัชนี SET จะปรับเพิ่มขึ้น แต่จะมีความผันผวนตลอดทั้งปี โดยในเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ประมาณ 1,650 – 1,750 จุด และจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ที่ 1,400 – 1,450 จุด สำหรับการเลือกหุ้นในปี 2024 มีหลักในการพิจารณา ดังนี้ 1 ) เลือกธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มีความสามารถในการบริหารต้นทุน เช่น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน จากสภาวะ อากาศแปรปรวน หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ 2) เลือกหุ้นที่มีนวัตกรรมช่วยสร้างธุรกิจที่เป็น New S – Curve 3) สัดส่วนหนี้สินต่ำ ความสามารถในการชำระหนี้สูง 4) เหมาะสมกับ Invesment theme ในปี 2024 เน้นวัฐจักรเศรษฐกิจนประเทศ 5) ให้ความสำคัญกับ ESG อย่างชัดเจน 6) ระมัดระวังธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออก และอาจได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศแปรปรวน และ 7) ราคายังคง Undervalue สำหรับหุ้นแนะนำในการลงทุนแบบ DCA (Dollar -Cost – Averaging ) ได้แก่ BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC
ดร. กำพล อดิเรกสมบัติ กล่าวว่า ในปี 2023 เป็นปีแห่งความผันผวน ในขณะที่ปี 2024 เป็นปีแห่งความคาดหวังแต่ต้องระมัดระวัง โดยมองว่า เศรษฐกิจแต่ละประเทศชะลอตัวไม่เหมือนกัน เนื่องจากผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง สภาพคล่องทางการเงินที่ตึงตัวขึ้น การปล่อยสินเชื่อที่มีความเข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งในหลายประเทศ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 คาดว่านักลงทุนจะมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่ยังแนะนำให้เน้นลงทุนในกลุ่มคุณภาพสูงสำหรับทุกสินทรัพย์ เช่น หุ้นกู้คุณภาพสูง (Investment Grade bonds) และทยอยสะสมหุ้นกลุ่ม Quality growth ที่มี balance sheet แข็งแกร่งในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และอินเดีย