การนำเอา CSR หรือ Corporate Social Responsibility มาใช้ในการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันเป็นกลยุทธ์ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างความก้าวหน้าที่ยั่งยืนทั้งในด้านสังคมและธุรกิจ ซึ่งการทำ CSR นั้นไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการปูทางสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างมูลค่าที่เพิ่มขึ้นให้กับบริษัท ทำให้นี่คือหนึ่งในหลักการที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกให้ความสำคัญและ “กัลฟ์” ผู้นำด้านพลังงานของไทยก็ไม่ต่างกัน
ในปีที่ผ่านมา กัลฟ์ได้แสดงให้เห็นถึงการทุ่มเทและความมุ่งมั่นต่อกิจกรรม CSR ภายใต้แนวคิด “Powering the Future, Empowering the People” ที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเติบโตของบริษัท แต่ยังเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมทางสังคมที่มีความหมายทั้งหมดเกิดขึ้นใน 3 ด้านคือ สาธารณสุข (คุณภาพชีวิต), การศึกษา (เยาวชน), และสิ่งแวดล้อม
มองให้ลึกลงไป การเน้นย้ำในด้านสาธารณสุขสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในความจำเป็นของการดูแลสุขภาพที่ดีในสังคม ส่วนการลงทุนในด้านการศึกษาแสดงถึงการมองเห็นความสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่ระดับเยาวชน และในทางด้านสิ่งแวดล้อม กัลฟ์ได้สร้างความตระหนักถึงความจำเป็นของการอนุรักษ์และการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ
ด้าน สาธารณสุข (คุณภาพชีวิต) ประกอบไปด้วย 2 โครงการได้แก่
1.โครงการ GULF Sparks Smiles ปี 2566: โครงการนี้จัดทำโดยบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้บริการทันตกรรมเคลื่อนที่แก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและยากต่อการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ได้แก่การอุดฟัน, ถอนฟัน, ขูดหินปูน, เคลือบฟลูออไรด์, เอ็กซเรย์ และการผ่าฟันคุด ประมาณ 150-200 คนต่อวัน โดยมีสถานที่ออกหน่วย 4 แห่ง คือ โรงเรียนสอนคนตาบอด กรุงเทพฯ, ชุมชนทิพพาวาส, ชุมชนแก่งคอย จ.สระบุรี และคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับงบประมาณ 8,500,000 บาท สำหรับโครงการนี้
นับเป็นตัวอย่างของการขยายโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกลและกลุ่มผู้พิการ ทำให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ ได้รับบริการทันตกรรมที่ครอบคลุม รวมทั้งการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ในการรักษา เช่น การนำระบบดิจิทัลมาใช้ร่วมกับการรักษา ด้วยเครื่องสแกนฟันในช่องปาก และระบบสามมิติ เพื่อใส่ฟันเทียม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยในการรักษาเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ นี่แสดงถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านสาธารณสุข และการลงทุนในอนาคตของสาธารณสุขไทย
2.ศูนย์ไตเทียมประสิทธิภาพสูง รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ: บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมในภารกิจสร้างศูนย์ไตเทียมที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีเครื่องฟอกไตแบบประสิทธิภาพสูง 30 เครื่อง ใช้เทคโนโลยี On-line Hemodiafiltration ซึ่งสามารถขจัดของเสียโมเลกุลใหญ่ที่การฟอกไตปกติไม่สามารถทำได้ ช่วยลดการติดเชื้อและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไตเรื้อรัง นอกจากนี้ยังมีระบบ Smart IT System เพื่อเก็บข้อมูลผู้ป่วยและสนับสนุนการวิจัย
ระบบดังกล่าวทำให้เกิดศูนย์กลางทางการศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ การลงทุนในระบบเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาการรักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และการป้องกันโรคในระดับชุมชน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทกัลฟ์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านการลงทุนในสาธารณสุขและการศึกษา
ขณะเดียวกันการศึกษาและการสร้างโอกาสสำหรับเยาวชนเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของกัลฟ์ ซึ่งในปี 2566 บริษัทได้ร่วมมือกับมูลนิธิออทิสติกไทยในการเปิดโอกาสให้เยาวชนออทิสติกได้สัมผัสประสบการณ์ที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านศิลปะและสร้างรายได้ในอนาคต กิจกรรมดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกัลฟ์ในการสนับสนุนการเรียนรู้ที่เน้นประสบการณ์จริงและการถ่ายทอดความรู้ผ่านศิลปะ ซึ่งเป็นวิธีการสร้างสรรค์ในการสนับสนุนการพัฒนาเยาวชน
นอกจากนี้ กัลฟ์ยังเปิดบ้านต้อนรับนักศึกษา Executive MBA จาก University of Southern California (USC) โดยจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การลงทุนและพันธกิจด้านความยั่งยืน กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการสนับสนุนการศึกษาที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความรู้ของเยาวชน
กัลฟ์ยังได้ดำเนินโครงการ “หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต” ซึ่งเป็นการมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนผู้พิการทางใบหน้าและกะโหลกศีรษะ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาและช่วยเหลือในทุกมิติของชีวิต เป็นการสร้างพลังให้กับเยาวชนที่มีความต้องการพิเศษ และให้โอกาสในการเรียนรู้ในระดับสูงสุดตามความมุ่งหวังและศักยภาพของพวกเขา ซึ่ง ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ได้มอบงบประมาณสนับสนุนจำนวนกว่า 5 ล้านบาท สร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผู้ป่วยได้ถึง 89 คน โดยผู้ได้รับทุนอยู่ในระดับการศึกษาตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา
ส่วนโครงการ Envi Mission ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสนับสนุน Boot Camp ที่เน้นให้ความรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาดและการจัดการสิ่งแวดล้อม จัดขึ้น ณ ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อให้นักเรียนจากทั่วประเทศที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 20 ทีม เป็นตัวอย่างของการมุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียนในหมู่เยาวชน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกัลฟ์ในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านการศึกษาและการส่งเสริมความรู้ในด้านต่างๆ
อีกเรื่องคือการที่กัลฟ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านหลากหลายโครงการ นึ่งในโครงการสำคัญคือการสร้างศูนย์การเรียนรู้เกษตรและแปลงนาสาธิตที่โรงไฟฟ้าหนองแซง ในจังหวัดสระบุรี ศูนย์นี้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ค้นคว้าและเผยแพร่ความรู้ด้านการเกษตร โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและนวัตกรรมทางการเกษตร.
ภายในศูนย์มีการจัดกิจกรรม “กัลฟ์สืบสานวิถีชาวนาไทย ร่วมใจลงแขกเกี่ยวข้าว” เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยดั้งเดิม. นอกจากนี้, มีการนำผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยวมาสาธิตวิธีการแปรรูปเป็นอาหารเพื่อเพิ่มมูลค่า, เช่น ข้าวจี่ไข่ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคอีสานและภาคเหนือ นอกจากนี้ยังมีการนำข้าวหลายสายพันธุ์มาทำเป็นเมนูอาหารสำหรับผู้ร่วมงาน, เช่น ไอศกรีมข้าวหอมจากข้าวกล้องมรกต, ข้าวเม่าจากข้าวเหนียวเขี้ยวงู, และซีเรียลจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นต้น
กัลฟ์ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาศูนย์ให้เป็นต้นแบบของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy). มีการวางแผนและออกแบบให้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีจำกัดถูกใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีการจัดการแปลงนาที่ลดการสร้างมลภาวะ เช่น ไม่เผาตอข้าวเก่าเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก, และการใช้จุลินทรีย์ย่อยตอข้าวเก่าเป็นปุ๋ยสำหรับการปลูกข้าวรอบใหม่
นอกจากนี้กัลฟ์ยังได้ริเริ่มโครงการ “GULF Sparks, Life Starts เติมพลังไฟให้ชีวิต” เพื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์ในชุมชนที่ห่างไกลและขาดแคลนไฟฟ้า, เช่น โรงเรียนบ้านห้วยน้ำไซ จ.พิษณุโลก และเกาะทุ่งนางดำ จ.พังงา. โครงการนี้มุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนด้วยพลังงานสะอาด.