พลูโก (Plugo) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร สำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ได้เปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการธุรกิจออนไลน์ของตนที่มีอยู่ในหลากหลายช่องทางออนไลน์ได้อย่างราบรื่นภายใต้การควบคุมจัดการในพื้นที่เพียงแห่งเดียว ด้วยแนวทางและรูปแบบธุรกิจที่มุ่งเน้นให้ผู้ผลิต หรือเจ้าของแบรนด์สามารถการเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง (D2C) และจัดการธุรกิจของตนได้จากทุกที่และทุกเวลาในโลก โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือขั้นตอนที่วุ่นวาย ผู้ใช้จะสามารถปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ของตนตามต้องการ การบูรณาการของการชำระเงินและระบบโลจิสติกส์ตลอดจนเครื่องมือทางการตลาดผ่าน PlugoStore, PlugoSync, PlugoPOS, PlugoAds และ PlugoLinks
“จากผลการวิจัยอีคอมเมิร์ซทั่วโลกของ Morgan Stanley ในเดือนเมษายน 2566 เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอีคอมเมิร์ซที่ชัดเจนจาก B2B เป็น D2C ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ไปทั่วโลกโดยเห็นได้อย่างชัดเจนในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย แม้ว่าปัจจุบันร้อยละ 95 ของอีคอมเมิร์ซในกลุ่มประเทศอาเซียนดำเนินการโดยแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลส เช่น Lazada, Shopee และ Platform อื่นๆ แต่เราเชื่อว่าแนวโน้ม การขายสินค้าและบริการโดยตรงจากบริษัทถึงผู้บริโภค(D2C) จะพัฒนาอย่างรวดเร็วในอาเซียนนี้ ด้วยมูลค่าอีคอมเมิร์ซรวมของภูมิภาคที่ 149 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีพ.ศ. 2566 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 199 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีพ.ศ. 2567 รวมทั้งมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมสูงถึง 285 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปีพ.ศ. 2570 เราเชื่อว่าขณะนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การนำเสนอบริการด้านการขายแบบ D2C ในประเทศไทย” นายวรท กมลโชติรส ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท พลูโก (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว
พลูโก เสร็จสิ้นการระดมทุน Series A ด้วยมูลค่ารวม 9 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปลายปีพ.ศ. 2565 ด้วยการลงทุนที่ได้รับจาก Altos Ventures (สหรัฐอเมริกา) และ Access Ventures (ฮ่องกง) ปัจจุบันมีสำนักงานในประเทศอินโดนีเซีย เกาหลี และไทย
“จากความสำเร็จในอินโดนีเซีย เรามีความพร้อมที่จะนำเสนอพลูโกเข้าสู่วงการอีคอมเมิร์ซของไทยแม้ว่าจะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในเวทีอีคอมเมิร์ซ แต่เราได้รับความไว้วางใจอย่างมากในระยะเวลาอันสั้นนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปีพ.ศ. 2565 และภูมิใจที่ขณะนี้มีผู้ประกอบการทางธุรกิจใช้งานแล้วมากกว่า 7,000 ราย เราหวังว่าจะสามารถนำพาความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับที่อินโดนีเซียมาสู่ประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในประเทศ ไม่ว่าคุณจะใช้ช่องทางการขายผ่าน Facebook, Tik Tok, Lazada, Shopee, Instagram หรือช่องทางการขายออนไลน์อื่นๆ เพื่อขายสินค้าและบริการของคุณ เราสามารถรวบรวมทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้งานมาไว้ด้วยกันบน Plugo ที่เดียวเพื่อช่วยให้การบริหารจัดการช่องทางการขายของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น” นายคุงมิน บัง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พลูโก กล่าว
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา พลูโกได้รับเลือกให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเป็นทางการของ WeverseShop ซึ่งเป็นร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ของศิลปิน K-Pop ยอดนิยมมากมาย อาทิ BTS, BLACKPINK และ New Jeans และทำรายได้มูลค่าสินค้ารวม (GMV) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ได้มีการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกัน ในขณะที่มีผู้เยี่ยมชมโดยเฉลี่ย 26 ล้านคนสำรวจเว็บไซต์ของแบรนด์ Plugo ในปีพ.ศ. 2566 ส่งผลให้มีอัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมสินค้าไปเป็นผู้ซื้อ (Conversion) ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 9 สร้างสถิติยอดขายเป็นประวัติการณ์มากถึง 47,000 รายการในหนึ่งวัน นอกจากนี้ มียอดมูลค่าสินค้ารวมรายเดือนสูงสุดในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 220 ล้านบาท
“สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย เราตั้งเป้าว่าจะมียอดจำนวนผู้ใช้บริการอย่างน้อย 500 รายภายในปีนี้ ด้วยราคาแพ็คเกจรายเดือนสำหรับผู้ประกอบการไทยเริ่มต้นที่ 1,480 บาท (ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาเบื้องต้นฟรีได้ที่ www.plugo.co.th เนื่องจากแต่ละประเภทธุรกิจมีข้อกำหนดทางเทคนิคที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่านอกเหนือจากการจัดการระบบ back-office โดยรวมของธุรกิจที่ราบรื่นไร้รอยต่อแล้วนั้น มูลค่าเพิ่มในฐานะที่พลูโกเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ D2C คือ ผู้ประกอบการที่ใช้บริการของพลูโกสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลของลูกค้าได้โดยตรงจึงทำให้สามารถทำการตลาดหรือประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายไปยังกลุ่มเป้าหมายเฉพาะแต่ละกลุ่มตามต้องการ” นางสาวมัณฑนา แสงจันทร์วัฒนะ Product Owner บริษัท พลูโก (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวทิ้งท้าย