นิทรรศการเมืองอัจฉริยะ 2024 (Smart City Summit & Expo – SCSE 2024) และงานประชุมนิทรรศการเมืองปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ปี 2050 (Net Zero City Expo 2050) ได้จบลงอย่างสวยงาม สมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป (TCA) ผู้จัดงาน เผยว่า “จำนวนผู้ออกบูธ ขนาดของมหกรรม รวมถึงจำนวนแขกผู้มีเกียรติ ทั้งผู้นำภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมจากต่างประเทศที่มาเข้าร่วมงานในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้ร่วมออกบูธทั้งหมดกว่า 600 ราย ทำให้มหกรรมนี้มีจำนวนบูธถึง 2,200 บูธ และมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2,000 คน จาก 112 เมืองใน 46 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานอภิปรายแบบฟอรัมกว่า 73 งาน โดยนิทรรศการที่ถูกจัดขึ้นสองแห่งในไทเปและเกาสง สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้ราว 148,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 12% ถือเป็นการสร้างสถิติใหม่ของงานมหกรรม และกลายเป็นพื้นที่ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะที่สำคัญที่สุดในโลก ทั้งนี้ นิทรรศการในปีหน้านี้จะยังคงมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก รวมถึงเชิญคณะผู้แทนจากเมืองต่างๆ และกลุ่มอุตสาหกรรมจากทั่วโลกมาไต้หวันเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนและร่วมมือกัน”
หลินเจียหลง เลขาธิการทำเนียบประธานาธิบดี รัฐบาลไต้หวัน กล่าวในพิธีเปิดงานว่า “ไต้หวันได้กลายเป็นประเทศที่มีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไต้หวันไม่ได้เป็นแค่เพียง ‘ไต้หวันช่วยได้!’ (Taiwan can help!) แต่กลับเป็น ‘ไต้หวันนำได้!’ (Taiwan can lead!) โดยขณะนี้ รัฐบาลกำลังมุ่งมั่นที่จะสร้างไต้หวันให้เป็นเกาะแห่งเทคโนโลยี อีกทั้ง อุตสาหกรรมสารสนเทศและการสื่อสารของไต้หวันถือว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และโซลูชั่นการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่หลากหลาย และตั้งตารอที่จะร่วมมือกับนานาประเทศในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ กงหมิงซิน ประธานคณะกรรมการสภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) กล่าวว่า “นิทรรศการเมืองปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ปี 2050 (Net Zero City Expo 2050) ในปีนี้ เป็นการเข้าสู่เฟสที่ 2 แล้ว พวกเราพบว่า การปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ปี 2050 ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ โดยไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจเติบโต แต่ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่ทำให้เศรษฐกิจเติบโตด้วย“
สมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป (TCA) ผู้จัดงาน กล่าวว่า “AI อยู่ทั่วทุกที่ (AI is everywhere) เป็นฟีเจอร์หลักในนิทรรศการครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การต่อยอดเทคโนโลยี AIOT และ 5G ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ตามข้อเท็จจริงที่ AI ได้เข้าถึงทุกแขนงอาชีพ นอกเหนือจาก ‘AI+พื้นที่เฉพาะ’ ของสำนักพัฒนาอุตสาหกรรม กระทรวงการพัฒนาดิจิทัล (MODA) ที่ผู้จัดงานหลักได้จัดเป็นโซนพิเศษแล้ว การประยุกต์ใช้เครือข่ายส่วนตัว 5G (5G private network) ยังถือเป็นอีกไฮไลท์ของนิทรรศการในปีนี้ โดย 5G นั้นมี 3 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ ความเร็วสูง เครือข่ายกว้างขวาง และความหน่วงต่ำ ภายในงานมหกรรมนี้ จะเห็นได้ว่า 5G นั้นได้ครอบคลุมไปถึงเมืองอัจฉริยะ การขนส่งอัจฉริยะ และด้านอื่นๆ รวมถึงสามารถสร้างเครือข่ายส่วนตัวที่ใช้ได้ในเฉพาะองค์กรเพื่อใช้ในโรงงานอัจฉริยะ ค้าปลีกอัจฉริยะ การแพทย์อัจฉริยะ โรงพยาบาลอัจฉริยะ คลังสินค้าอัจฉริยะ หรือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการเชื่อมต่ออัจฉริยะของรถยนต์ เป็นต้น“
สมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป (TCA) ยังเผยว่า “ในปีนี้มีผู้เข้าร่วม ‘งานเสวนาแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะระหว่างไต้หวันและไทย’ จากประเทศไทยทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 400 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ได้แก่ คณะตัวแทนนายกเทศมนตรีและรองนายกเทศมนตรีจาก 20 เมืองในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ“ กงหมิงซิน ประธานคณะกรรมการสภาพัฒนาแห่งชาติไต้หวัน (NDC) ยังกล่าวในสุนทรพจน์ด้วยว่า “หลังจาก หลินชินหรู รองนายกเทศมนตรีเมืองเกาสง ได้เดินทางไปยังประเทศไทยเมื่อปี 2023 ท่านก็ได้เห็นว่าไต้หวันและประเทศไทยมีโอกาสทางธุรกิจร่วมกันอย่างมากมาย โดยหลังจากที่ท่านเดินทางกลับไต้หวัน ท่านก็ได้สร้างพันธมิตรในด้านอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะระหว่างไต้หวันและไทย ซึ่งทำให้เกิดมหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างงานนี้ขึ้น“
“ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามามีส่วนร่วมในงานนี้ ทั้งจากภาครัฐ รวมถึงผู้ออกบูธจากไต้หวันและต่างประเทศ งานปีนี้ได้จบลงอย่างสมบูรณ์ โดยนิทรรศการเมืองอัจฉริยะและนิทรรศการเมืองปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ปี 2050 (Net Zero City Expo 2050) ในปีหน้าจะจัดขึ้นสองแห่ง ได้แก่ ไทเป ระหว่างวันที่ 18-21 มีนาคม 2568 และเกาสง ระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคม 2568 ซึ่งพร้อมต้อนรับทุกท่านมาเข้าร่วมงานกันอีกครั้ง“ สมาคมคอมพิวเตอร์ไทเป (TCA) กล่าวทิ้งท้าย