เปิดตัว ‘มาริส อโบลตินส์’ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ‘เมกาบางนา’ ลั่นกลองพร้อมเดินหน้าสานต่อโครงการเมกาซิตี้


ต้องยอมรับว่ายุคนี้การทำ ศูนย์การค้า ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องแข่งขันกันเองแล้ว ยังต้องแข่งขันกับออนไลน์ด้วย อย่างไรก็ตาม เมกาบางนา (Megabangna) กลับเป็นศูนย์การค้าที่สามารถเติบโตทุกปี มีผลงานโดดเด่นจนเป็นที่จับตา และปีนี้ที่เมกาบางนาให้บริการเข้าสู่ปีที่ 12 ก็มี MD คนใหม่ โดย Positioning จะพาไปทำความรู้จัก พร้อมเจาะลึกถึงกลยุทธ์ของเมกาบางนาในปีนี้


ประสบการณ์ครบลูปในรีเทลและเรียลเอสเตส

ไม่ใช่แค่การบริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา แต่ยังมี โครงการเมกาซิตี้ ดังนั้น มาริส อโบลตินส์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ หรือ MD (Managing Director) คนใหม่นี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการจัดการอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นไปที่การพัฒนาและการขยายพื้นที่ของธุรกิจค้าปลีก ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป ผ่านการทำงานทั้งกับเชนห้างสรรพสินค้าดังหลายแห่ง รวมไปถึงมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ IKEA อีกด้วย

“ผมมีประสบการณ์ในต่างประเทศหลายที่  เช่น เยอรมนี, รัสเซีย, ยูเครน และออสเตรีย ซึ่งผมโชคดีที่มีประสบการณ์ครบลูปตั้งแต่งานก่อสร้าง วิศวกรรม ไปจนถึงงานด้านกลยุทธ์ ที่สำคัญผมเคยทำงานอยู่ในฝั่งลูกค้า หรือผู้เช่า  นั่นทำให้มีความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างดี” มาริส เล่า


รีเทลยุโรปกับไทยเหมือนมากกว่าต่าง

มาริส เล่าต่อว่า จริง ๆ แล้วอุตสาหกรรมรีเทลของยุโรปกับไทยค่อนข้างมีความเหมือนมากกว่าแตกต่าง ที่เห็น ณ ตอนนี้อาจจะมีบางจุดแตกต่างกันชัดเจนอาจเป็นเรื่องการจำนวนทีมงานที่บริหารศูนย์การค้า ซึ่งที่ไทยมีจำนวนทีมงานค่อนข้างเยอะ ขณะที่ของยุโรปจะใช้เอ้าท์ซอร์สเป็นส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายปลายทาง รีเทลทุกแห่งต้อง แข่งขันกันตอบสนองความต้องการลูกค้า ดังนั้น ขึ้นอยู่กับทีมบริหารแล้วว่าจะวางกลยุทธ์อย่างไรให้ลูกค้ามาที่ศูนย์การค้า และต้องมาซ้ำ

“ทุกประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกัน คือเจอการแข่งขันทั้งจากศูนย์การค้าด้วยกัน และจากอีคอมเมิร์ซ ดังนั้น เราต้องเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภค และสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริง รวมถึงมอบความคุ้มค่าให้กับทุกๆ การมา Visit ให้ได้”

อย่างไรก็ตาม เมกาบางนาถือเป็นศูนย์การค้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และอยู่บนโลเคชั่นย่านบางนา-ตราดที่กลุ่มผู้อาศัยโดยรอบเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ โดยตลอด 12 ปีที่ผ่านมาเมกาบางนาต้อนรับลูกค้ามาแล้วกว่า 550 ล้านคน และปี 2023 เป็นปีที่มียอดคนมาเยี่ยมศูนย์ฯ สูงสุดถึง 53 ล้านคน  สะท้อนให้เห็นว่าการเป็นศูนย์การค้าระดับภูมิภาคอาเซียน และด้วยลักษณะที่เป็นหน้ากว้าง ทำให้ลูกค้าสะดวกกว่าไม่ต้องเดินหาหลายชั้น เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า รวมถึงเมกาบางนามีที่จอดรถกว่า 12,000 คัน รวมทั้งใกล้ฮับของรถสาธารณะจากหลายทาง จึงเชื่อว่าเมกาบางนาจะสามารถพัฒนาและเติบโตไปได้อีกใกล้


TENANT MIX ที่ตรงใจ ทันสมัย และตอบโจทย์ทุกเจเนเรชัน

ในปีนี้ เมกาบางนาจะนำร้านใหม่ ๆ หลายร้าน โดยศูนย์ฯ พยายามจะศึกษาความต้องการของลูกค้า และมองหาพาร์ทเนอร์ที่จะมาช่วยเสริมให้เมกาบางนาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  ปัจจุบัน เมกาบางนามีพื้นที่ขายรวมกว่า 240,000 ตารางเมตร มีอัตราการเช่า 100% มีร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร ศูนย์บริการต่าง ๆ รวมกว่า 900 ร้านค้า โดยผู้เช่าหลักที่เป็นแม็กเน็ตสำคัญ ได้แก่ IKEA, CENTRAL@MEGABANGNA, HOMEPRO, BIG C Extra, MEGA CINEPLEX

“ตอนนี้รีเทลเปลี่ยนเเปลงไปมาก ความต้องการลูกค้าก็เปลี่ยนไปเร็ว โจทย์คือจะต้องตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างไรให้ได้มากที่สุด”

ในส่วนของ Mega City อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดเพิ่มเติม รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะมาตอบโจทย์คนในย่านนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายโครงการที่เปิดตัวในเมกาซิตี้  โดยมองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีก อย่างคอนโดที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วก็ได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะยอดขายโครงการไปได้ดี แม้ว่าอัตราการเกิดจะลดลงก็ตาม นอกจากนี้ มาริส มองว่า เขาต้องการจะดันให้  ท็อปกอล์ฟ กลายเป็นอีก Destination ที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและลูกค้า Local ในย่านนี้และพื้นที่ใกล้เคียง

ในส่วนของกลยุทธ์ด้าน ความยั่งยืน (ESG) เมกาบางนายังคงทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือ SOLAR ROOFTOP บนพื้นที่กว่า 62,000 ตรม. สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 12 ล้านหน่วย (KWH) ต่อปี ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ 8,000 ตัน การประหยัดการใช้ไฟการควบคุมอากาศในศูนย์ 20% และการนำน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดเพื่อใช้ได้ใหม่ เช่น รถน้ำต้นไม้ หรือทำความสะอาดศูนย์การค้า เป็นต้น


ทุ่ม 200 ล้าน อัดอีเวนต์แน่นตลอดปี

ในส่วนของ งานอีเวนต์ ก็ถือเป็นจุดเด่นของเมกาบางนา อาทิ เคาท์ดาวน์ ที่เมกาบางนาติด 1 ใน 5 สถานที่ที่คนอยากมาเคาท์ดาวน์ของกรุงเทพฯ และเป็นอีเวนท์ที่ลูกค้ารอคอยตลอดปี โดยปีนี้เมกาบางนาได้วางงบเกี่ยวกับงานกิจกรรมต่างๆ ไว้ประมาณ 200 ล้านบาท โดยจะมีเฉลี่ยทุกเดือน โดยในไตรมาสแรกได้จัดแคมเปญทั้ง Seasonal Campaign และ Monthly Campaign มาตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับคอมมูนิตี้ต่าง ๆ เช่น Mega Pet Day

“เราอยากทำให้ทุกอีเวนต์สร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้า อยากทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รีวอร์ดสทุกครั้งที่มาเมกาบางนา”

ส่วนของลอยัลตี้โปรแกรม เมกา สไมล์ รีวอร์ดส (MEGA SMILE REWARDS) ในช่วงไตรมาส 3 นี้จะมีการยกระดับ Privilege ต่างๆ ให้ดีขึ้น  ภายใต้แนวคิด THE ULTIMATE EXPERIENCE โดยจะให้สิทธิพิเศษที่มากยิ่งขึ้น อาทิ ที่จอดรถพิเศษสำหรับสมาชิก ส่วนลดและบัตรกำนัลที่มากกว่าเดิม รวมถึงการรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ตรงกับความต้องการ ความชอบ ไลฟ์สไตล์ ของสมาชิก


ครบรอบ 12 ปี ด้วยแคมเปญ 12th ANNIVERSARY 365 MEGA MOMENTS

ในเดือนพฤษภาคมนี้จะครบรอบ 12 ปี ของเมกาบางนา ทางศูนย์ฯ ได้จัดกิจกรรม 12th ANNIVERSARY 365 MEGA MOMENTS โดยดึงเอาศิลปินนักวาดภาพอย่าง Jirayu Koo (จิรายุ คู) ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ เพื่อนำมาต่อยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้า เช่น การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้าให้ลูกค้าได้มาถ่ายรูป, การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลคชั่น เป็นต้น

มาริส ทิ้งท้ายว่า แม้เขาเป็น MD คนใหม่ แต่วิสัยทัศน์ของเมกาบางนายังเป็นเหมือนเดิมมาตลอด 12 ปี คือ การเป็นมากกว่าสถานที่สำหรับการช้อปปิ้ง แต่เราจะเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ให้ทุกๆ คนได้มาใช้เวลาร่วมกันได้ที่เมกาบางนา ครบทั้งช้อป กิน และทำกิจกรรม ดังนั้น ภารกิจเราก็จะสอดคล้องกับวิชั่นส์ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าให้ได้ทั้งหมด และอยู่ในทุกๆ ช่วงเวลาของลูกค้าได้อย่างแท้จริง!