JOHN CLARE กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทเฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าแนวโน้มการลงทุนก่อสร้างในประเทศไทยช่วงปี 2567-2569 คาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 3-4% ต่อปีจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวจากการลงทุนก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอสังริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ คาดว่าจะขยายตัวราว 3.0-3.5% (ที่มา: Constrution Outlook 2024-2026 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา) จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวบริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในปี 2567 โดยมีจุดมุ่งหมายในการนำผลิตภัณฑ์อยู่ในทุกห้องของการอยู่อาศัย (HÄFELE Everywhere) ผ่านการสร้างสินค้าและบริการที่ดีตรงกับความต้องการจริงของลูกค้าเพื่อเติมเต็มพื้นที่การใช้ชีวิตสอดรับกับเทรนด์การอยู่อาศัย 3 เทรนด์ในปีนี้ได้แก่ได้แก่การอยู่อาศัยแบบยั่งยืน , Smart Home and Technology , Multifunction space
ขณะที่แผนงานในปี 2567 บริษัทวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์โดยรักษาระดับการเติบโตของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักจาก Furniture Fitting และ Architectural Hardware ตั้งเป้าเติบโตราว 5% และกลุ่มที่จะสร้างยอดขายโดดเด่นในปีนี้คือผลิตภัณฑ์จากกลุ่ม Digital Locks , อุปกรณ์ในห้องน้ำและเครื่องใช้บ้านและครัวเรือนตั้งเป้าเติบโต 14% ส่งผลให้ยอดขายปีนี้บริษัทวางเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ระดับ 5,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยพุ่งเป้าลูกค้าในกลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ และเน้นการทำตลาดในช่องทางค้าปลีกให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ อีกทั้งยังมุ่งมั่นพัฒนาเข้าสู่ช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้นตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากการเก็บข้อมูลลูกค้าเชิงลึกลูกค้าของบริษัท ทั้งนี้ก้าวต่อไปของเฮเฟเล่ บริษัทพร้อมขับเคลื่อนด้าน ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจด้วยการคำนึงการใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานสามารถใช้งานได้ยาวนาน ลดปริมาณของเสียจากการผลิต และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น โดยการเริ่มต้นจากองค์กรขยายสู่การทำงานร่วมกับคู่ค้าที่มีแนวคิดด้าน ESG เหมือนกัน รวมถึงการพัฒนาบุคคลากรให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจที่เกิดการแข่งขันในระดับสูง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ในการเติบโตทางธุรกิจในอนาคตอย่างยั่งยืนจากทรัพยากรบุคคล
ส่วนการดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินธุรกิจอย่างมุ่งมั่นเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากจุดเริ่มต้นสินค้า Furniture Fitting และ Architectural Hardware เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ส่งผลให้บริษัทก้าวสู่ผู้นำ ‘เฟอร์นิเจอร์ฟิตติ้งและ Architectural Hardware ของเมืองไทยในช่วงทศวรรษแรกสามารถสร้างยอดขายสูงถึงระดับ 500 ล้านบาท พร้อมกับการขยายสินค้าในกลุ่มสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำเพื่อขยายการเติบโตแก่บริษัทในช่วงทศวรรษถัดไป
ในช่วงทศวรรษที่ 2 บริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในด้านยอดขายสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดโดยขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 500% ยอดขายอยู่ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท เกิดจากการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มลูกค้ากลุ่มโครงการขนาดใหญ่และการเพิ่มสินค้าในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ระบบไฟส่องสว่างและ Smart Technology รวมถึงการสร้างโชว์รูมในหัวเมืองที่มีศักยภาพและศูนย์กระจายสินค้าเฮเฟเล่แบบครบวงจรบางนาตราด กม.22 เพื่อเสริมศักยภาพตอกย้ำความแข็งแกร่งของเฮเฟเล่ในประเทศไทย สำหรับช่วงทศวรรษที่ 3 บริษัทสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ไว้วางใจในเฮเฟเล่
พร้อมทั้งตอกย้ำการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการมาอย่างยาวนานทั่วโลกเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของบริษัท HÄFELE และครบรอบ 30 ปีในการดำเนินงานของบริษัทเฮเฟเล่ประเทศไทย
ทั้งนี้เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีสำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย บริษัทเปิดตัวแคมเปญ ‘Designer Collaboration’ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่แตกต่างด้วยงานออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค โดยจับมือร่วมกับ 3 ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีไซน์ คุณพลพัฒน์ อัศวะประภา (หมู ASAVA) จับกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบการตกแต่งแนวแฟชั่นผ่านการออกแบบผสมผสานความคลาสสิคและสนุกสนานเข้าไว้ด้วยกัน เกิดเป็นลายปริ้นท์ที่ถ่ายทอดอย่างโดดเด่นแก่ HÄFELE Retro Minibar Refrigerator (Limited Series ), คุณภฤศธร สกุลไทย (อู๋สกุลไทย PIA Interior) ด้วยการออกแบบ Door Set Collection Limited Series สำหรับลูกค้ากลุ่มโครงการลูกค้าสถาปนิคและกลุ่มลูกค้านักออกแบบและตกแต่งภายใน และธนวัต ศักดาวิษรักษ์ Young Designer นามปากกา BHBH กับการออกแบบผลิตภัณฑ์ Limited Premium Gift เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าของ HÄFELE ในโอกาสสำคัญครั้งยิ่งใหญ่ของการครบรอบ 30 ปีการดำเนินงานในประเทศไทย