หลายคนคงเคยเห็นคอนเทนต์ “กงยูเมืองไทย” “เอ็ด ชีแรนเมืองไทย” ผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งเป็นฉายาที่ชาวเน็ตต่างตั้งให้กับ “ไพบูลย์ แสงเดือน” หรือเรียกติดปากกันว่า “ครูไพบูลย์” แม้อดีตจะมีบทบาทเป็นอดีตข้าราชการ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันก็ขึ้นแท่น Influencer คนหนึ่งที่มีคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ได้ตลอด
แต่ไม่ว่าคอนเทนต์นั้นจะเป็นการชื่นชม หรือการบูลลี่ก็ตาม ก็เป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมตัวตนครูไพบูลย์มาจนถึงทุกวันนี้
ครูภาษาไทยที่ร้องเพลงได้นิดหน่อย
ครูไพบูลย์ในวัย 34 ปี มีหลายบทบาทด้วยกัน ทั้งเจ้าของค่ายเพลง นักธุรกิจ และ Influencer มือใหม่ที่กำลังปรับตัวเข้ากับวงการ
เส้นทางชีวิตของครูไพบูลย์เริ่มต้นจากการเป็นข้าราชการ “ครูสอนภาษาไทย” ที่โรงเรียนในจังหวัดเลยซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิด เรียนจบครู แล้วสอบบรรรจุครูได้ จึงเป็นที่มาของการเรียกว่าครูไพบูลย์ หลังจากที่รับราชการอยู่ 3 ปี ก็ลาออกมาทำความฝันอื่นๆ ในการทำธุรกิจ หนึ่งในนั้นก็คือ “ค่ายเพลง”
ครูไพบูลย์ เริ่มเล่าว่า “เมื่อก่อนเป็นคนมีความฝันอยู่ 2 อย่างก็คือ เป็นครู กับนักร้อง ตอนสมัยเรียนก็หาช่องทางแต่งเพลง เล่นดนตรีไปด้วย แต่ด้วยความที่ฐานะที่บ้านยากจน ในการจะทำธุรกิจไม่ค่อยมีเงินลงทุนเท่าไหร่ เลยเรียนไปทางสายครู พอเรียนจบก็สามารถสอบบรรจุได้เลย พอรับราชการอยู่ 3 ปี เริ่มมีรายได้จาก YouTube ที่เราทำเพลงนิดๆ หน่อยๆ ก็ลาออกมาทำธุรกิจ จริงๆ การรับราชการก็ดี ได้สวัสดิการที่ดี แต่ด้วยความที่เรายากจนมาทั้งชีวิต ก็มีความอยากรวยขึ้นมาบ้าง ตอนเป็นครูก็ประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่คนรอบข้างยังลำบาก พ่อแม่ก็ยังลำบาก เลยออกมาทำธุรกิจเพื่อให้มีชีวิตดีขึ้น”
ปัจจุบันครูไพบูลย์เป็นเจ้าของค่ายเพลง “จ้วดจ้าด สตูดิโอ” ทำเพลงแนวอินดี้อีสาน อินดี้ไทบ้าน ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2562 มีนักร้องในค่าย 5-6 คน เป็นค่ายเล็กๆ เปรียบเหมือนสตาร์ทอัพ อาจจะไม่มีงบเหมือนค่ายใหญ่ แต่เน้นทำเองกันหมด
ที่มาของชื่อจ้วดจ้าด มาจากการที่อยากได้ชื่อที่มีความเป็นอีสาน ตอนแรกจะใช้คำว่า “ฟ้าว” ที่แปลว่ารีบ แต่อยากได้เสียงเลียนแบบธรรมชาติด้วย เลยมาคิดว่าที่อีสานมีบั้งไฟ กว่าบั้งไฟจะขึ้นมันจ้วดจ้าดขึ้น เลยเปรียบเหมือนกับการทำเพลงก็อยากให้ดังเหมือนบั้งไฟ ให้จ้วดจ้าดขึ้น
“มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทำเพลงแล้วปั๊มแผ่นซีดีขายเอง ตอนนั้นมีเงินก้อนอยู่ไม่กี่หมื่น ก็กู้เงินมาทำแผ่นซีดีเพิ่ม แล้วไปเดินขายตามถนนคนเดินขาย เราทำเพลงเอง ทำโปรดักชั่นเองหมดเลย แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็เริ่มมองแล้วว่าทำเพลงของตัวเองแล้วไม่เวิร์ก เลยสร้างคนอื่นดีกว่า เลยถอยมาเป็นเบื้องหลัง เอาประสบการณ์ที่มีทั้งทำเพลง ถ่ายทำ ตัดต่อ ทำโปรดักชั่นต่างๆ เอาเด็กมาปั้นดีกว่า พอทำไปสักระยะก็เริ่มมีรายได้จากเพลงจาก YouTube แรกๆ หลักแสน แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเราคิดว่ามันน่าจะทำได้ยาวๆ เลยลาออกจากการเป็นครู แล้วทำค่ายเพลงเต็มตัว”
Influencer มือใหม่ ตำนานกงยูเมืองไทย
อีกหนึ่งบทบาทที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ การเป็นหนึ่งใน Influencer คนดังในสังคมไทยในยุคปัจจุบัน ยิ่งในช่วงที่ผ่านมานี้ครูไพบูลย์มีการปรับโฉมเปลี่ยนลุคตัวเองหลายๆ อย่าง พร้อมกับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะทำอะไร ก็เป็นคอนเทนต์ได้หมด
“แต่ก่อนไม่ทราบเลยว่า Influencer เป็นอย่างไร เพราะเป็นคนเบื้องหลังมาตลอด แต่พอมาอยู่ในจุดที่สังคมผลักให้เป็น Influencer ก็ต้องปรับการใช้ชีวิตต่างๆ มากขึ้น มีหลักในการโพสต์คอนเทนต์ ต้องไปศึกษาวิธีการว่าต้องโพสต์ยังไง ดูว่าหารายได้จากไหน อยู่ในช่วงจูนให้เข้ากับความเป็น Influencer เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง”
ก่อนหน้านี้ชาวเน็ตได้ตั้งฉายาให้ครูไพบูลย์ว่าเป็น “กงยูเมืองไทย” ไม่ว่าจะเป็นจากการบูลลี่หรืออะไรก็ตาม แต่ก็ทำให้คนรู้จักครูไพบูลย์มากขึ้นจริงๆ และไม่นานมานี้ก็ได้ฉายา “เอ็ด ชีแรนเมืองไทย” เพิ่มอีก เนื่องจากมีการทำผมทรงใหม่ และทำสีผมที่คล้ายคลึงกับนักร้องดัง
“ตอนแรกเฉยๆ กับฉายากงยู ไม่ได้รู้สึกดีใจ เพราะเราไม่รู้จักว่าเขาคือใคร เราเป็นเด็กบ้านนอก สไตล์ชีวิตอยู่กับลูกทุ่งหมอลำ อยู่ในฟีลลูกทุ่งมาตลอด ไม่รู้จักเกาหลีเลย พอเขาให้ฉายาไปหาข้อมูล เราก็คิดว่าไม่มีส่วนคล้ายเลย ส่วนเอ็ด ชีแรนตอนแรกก็ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ทรงผมมีความคล้ายนิดนึง เรามีความคิดว่า ฉายาเป็นแค่ความรู้สึกของสังคมส่วนหนึ่ง เขาแค่อยากให้เราเป็นตัวละครของเขา สังคมเล่นแล้วมีความสุข
ต้องรู้สึกนอยอยู่แล้ว เพราะไม่อยากเหมือนใคร ไม่อยากให้เหมือนใคร แต่ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาตัดสิน แล้วพัฒนาตัวเอง จัดการกับตัวเองให้ได้ แต่ถ้าบอกว่าเราเหมือนไหมไทย หัวใจศิลป์ เราจะชอบมาก เพราะเป็นทางของเรา คือไอดอลของเรา”
นอกจากทำค่ายเพลงแล้ว ครูไพบูลย์ยังมีธุรกจิส่วนตัวอีกอย่างร้านอาหาร และโรงงานผลิตน้ำดื่ม เป็นธุรกิจเล็กๆ ที่จังหวัดที่บ้าน อนาคตอาจจะกลับมาทำธุรกิจออนไลน์เพิ่มเติม ขายสกินแคร์ อาหารเสริม เพราะธุรกิจค่ายเพลงมีความผันผวน
ส่วนค่ายเพลงก็ยังทำต่อ และทำเป็นธุรกิจหลัก เพราะมีแพสชั่นกับเพลง รักเสียงเพลงตั้งแต่เกิด จะมีโปรเจกต์ใหม่ๆ ทุกเดือน แม่ว่าเพลงอาจจะไม่ดังมาก แต่ทำด้วยความชอบล้วนๆ ส่วนความฝันก็อยากจะประสบความสำเร็จจากทำค่ายเพลง เป็นที่ยอมรับของสังคม
สำหรับคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมช่วงหลังนี้ครูไพบูลย์ถึงขึ้นมาปรับลุค ดูแลตัวเอง เข้าฟิตเนส จนมีรูป มีคอนเทนต์ได้เกือบทุกวัน ครูไพบูลย์ได้พูดปิดท้ายว่าเพราะอกหัก เลยต้องกลับมาดูแลตัวเองนั่นเอง
“ที่มาดูแลตัวเองเพราะผิดหวังความรัก เลยพยายามทำความเข้าใจตัวเอง ช่วงที่เราตามความรักก็ไม่สำเร็จ ทำให้ดาวน์ เสียงาน เสียความรัก เลยหันมาดูแลตัวเองใหม่ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ดีขึ้น งดดื่ม เชื่อว่าถ้ารักตัวเองมากพอ ก็จะมีความรักที่ดีได้”