การมีที่อยู่ “อาศัย”เป็นของตนเอง นับเป็นชีวิตในอุดมคติที่บ่งชี้ความสำเร็จ หรือมีความมั่นคงแล้ว แต่ในยุคปัจจุบันการมี “บ้าน” หรือ “คอนโดมิเนียม” ไม่ง่ายเลย ท่ามกลางราคาที่อยู่อาศัยที่สูง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และเมืองหลักๆ ขณะที่รายได้ของคนไทยเฉลี่ยภาพรวมแทบจะไม่พอใช้ จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและค่าครองชีพที่สูงต่อเนื่อง เปรียบได้ว่า “บ้านแพง ค่าแรงต่ำ”
ตอกย้ำจากหนี้ภาคครัวเรือนของไทยที่อยู่ระดับสูงถึง 91% ต่อ GDP หรือราว 16 ล้านล้านบาท และอาจแตะระดับ 16.8 ล้านล้านบาท ได้ในสิ้นปีนี้ ส่งผลไปถึงแรงซื้อของคนไทยที่ตกต่ำ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงสูง การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงิน จึงยิ่งเข้มงวดมากกว่าเดิม … การมีบ้าน หรือคอนโดฯ สักหลัง จึงยิ่งยากขึ้นไปอีก
บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ในฐานะ Developer รายแรกพัฒนาหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ ได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวและได้มีการศึกษา พบว่ากลุ่มที่มีปัญหาการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย มี 2 กลุ่มหลักๆ คือ 1. กลุ่มที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร คิดเป็นสัดส่วน 60-70% ของจำนวนผู้ขอกู้ จากภาระหนี้ที่ไม่สอดรับกับรายได้ กลุ่มที่ 2. คือ กลุ่มที่รู้สึกไม่มั่นคงในสถานะทางการเงินของตนเอง ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ ความไม่มั่นใจในการประกอบอาชีพ เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะถูกเลิกจ้างงานหรือไม่ ถึงแม้ว่าการก่อภาระหนี้บ้านจะเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินก็ตาม การแก้ปัญหาในเรื่องนี้ จึงเป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทั้ง 2 กลุ่มนี้ นับเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุด และเป็นคนที่ต้องการบ้านจริงๆ (Real Demand) ที่สำคัญปัญหานี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเสนาด้านการส่งเสริมให้คนเข้าถึงการเป็นเจ้าของที่พักอาศัย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามหลัก (Sustainable Development Goals: SDGs) อีกด้วย
“เรามองเห็น Pain Point เหล่านี้ที่เกิดขึ้นในสภาวะปัจจุบันของคนที่อยากมีบ้าน หรือคอนโดฯ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เสนาจึงได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ที่นับเป็น Business Model ใหม่ที่ประกอบด้วย บริการ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่จะช่วยให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหา” ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ดร.ยุ้ย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวย้ำถึงความตั้งใจที่อยากให้คนได้เข้าถึงมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่ประสบปัญหาทางการเงินในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะคนวัยทำงานกลุ่ม New Gen และกลุ่มผู้มีกำลังซื้อระดับปานกลาง – ล่าง
เสนาฯ จึงได้นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ เป็นครั้งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย ที่จะเข้ามาให้บริการด้านคำปรึกษาสุขภาพทางการเงิน วิเคราะห์ และวางแผนสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับทุกคนที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง ที่ประกอบด้วย 2 ตัวช่วย คือ “เงินสดใจดี” และ “LivNex หรือ เช่าออมบ้าน”
ตัวช่วยที่ 1.เงินสดใจดี บริการที่ปรึกษาทางการเงิน ทำหน้าที่เสมือนผู้ช่วยทางการเงินส่วนตัว ที่ช่วยวิเคราะห์สถานะทางการเงินทั้งหมดของลูกค้า เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเป็นเจ้าบ้าน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.การวิเคราะห์การเงินและความสามารถในการผ่อนชำระ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้สินเชื่อที่เหมาะสมกับลูกค้า 2. ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรายย่อย ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการซื้อบ้านในกรณีที่สถานะทางการเงินยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคาผู้ปล่อยกู้ และ 3. การสร้างเครดิตผ่านการเช่าซื้อ เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินและเครดิต (รองรับโดยเครดิตบูโร) เพื่อเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในอนาคต
ตัวช่วยที่ 2. “LivNex หรือ เช่าออมบ้าน” สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถซื้อบ้านได้ ณ ปัจจุบัน ลูกค้าสามารถเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของเสนาในรูปแบบ “LivNex” หรือ “เช่าออมบ้าน” ในราคาที่ล้านละ 4,100 บาท โดยเช่าออมบ้านของเสนาฯ นั้น เปรียบเสมือนการจ่ายค่าเช่าบ้าน ที่แบ่งส่วนหนึ่งสะสมไว้เป็นเงินออม เพื่อช่วยในการเป็นเจ้าของบ้านในอนาคต ขณะที่อีกส่วนคิดเป็นดอกเบี้ย ซึ่งมีอัตราต่ำมากที่ 1.8% เท่านั้น โดยมีกรอบระยะเวลาเช่าออมบ้าน 3 ปี เมื่อครบสัญญาเงินสะสมจะถูกนำไปหักกับมูลค่าของคอนโด ทำให้ซื้อคอนโดได้ในราคาที่ถูกลง อีกหนึ่งข้อดีคือ ระหว่างการเช่าออมบ้าน เงินสดใจดีจะคอยให้คำปรึกษา และประเมินสถานทางการเงินให้ตลอด เพื่อช่วยให้ลูกค้ากู้สินเชื่อจากธนาคารได้เร็วที่สุด อาจจะก่อนหรือเมื่อครบสัญญา ส่วนลูกค้ามีเหตุให้ไม่สามารถอยู่จนครบสัญญาได้ ก็สามารถขายสัญญาเช่าออมบ้านนี้ต่อให้กับบุคคลอื่นได้เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเงินเช่าออมบ้านที่สะสมไว้จะไม่สูญเปล่า ทั้งนี้ เสนาได้ดำเนินการ 19 โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ นำร่องในย่าน สุขุมวิท รามคำแหง บางนา แจ้งวัฒนะ รังสิต เป็นต้น เพื่อมาเปิดให้บริการ ให้ลูกค้าที่สนใจเข้าทำสัญญา
นวัตกรรมของ “เสนาฯ ” นับว่าได้สร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ได้มีที่อยู่อาศัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าแบบยั่งยืน และยังถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่เป็นการพลิกวิกฤติของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา ให้เป็นโอกาสของทั้งเสนาและลูกค้าไปพร้อมๆ กัน….