โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth
กระแสการใช้ AI ในทุกวันนี้กระเทือนไปหลายอุตสาหกรรม มนุษย์ทำงานเองก็ยังรู้สึกหวั่นๆ เมื่อไรจะถูก AI มาแทนที่ หลายคนอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ผมในฐานะที่ใช้ AI ทำงานในการบริหารพอร์ตการลงทุนให้ลูกค้ามาตลอด 12 ปี อยากแนะนำให้ทุกท่านใจเย็น มอง AI อย่างสร้างสรร และใช้ประโยชน์จาก AI ให้ได้มากที่สุด และทุกวันนี้เทคโนโลยีก็พัฒนา AI ให้พวกเราทุกคนเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จริงมากขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบกับ AI ในหัวข้อต่างๆ ที่เราสนใจ หรือจะใช้วาดรูป สร้างคลิปวิดีโอทำพรีเซนเทชั่นก็สุดล้ำ และที่ง่ายคือทุกอย่างทำได้บนมือถือของเราเองครับ
ผมกล้าพูดได้ว่า ทุกวันนี้ AI ฉลาดขึ้นมาก คำตอบที่เรามักจะได้กลับมาจาก AI แชตบอต มีความลึกขึ้นมาก ผมได้ทดลองตั้งคำถามกับ Copilot ที่ทางไมโครซอฟท์เพิ่ง เปิดตัวแชตบอต AI สำหรับทำงานด้านการเงินโดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ ผมลองตั้งคำถามเกี่ยวกับการลงทุนแบบ DCA ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนนิยมใช้กันด้วยการทยอยๆ ซื้อสินทรัพย์ที่เลือกไว้ด้วยจำนวนเงินเท่ากัน เป็นระยะๆ ข้อดีก็คือ ช่วยสร้างวินัยในการออมและลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาหุ้นทำให้ไม่ต้องพยายามจับจังหวะตลาด
ผมได้ทดลองพิมพ์คำถามเข้าไปว่า ‘DCA ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนหุ้นจริงๆ หรอ?’
และนี่คือคำตอบที่ผมได้รับครับ
Copilot :
การลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA/ เป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้ในการลงทุนหุ้นโดยการทยอยซื้อสินทรัพย์ที่เลือกไว้ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันในช่วงเวลาที่กำหนด
1. ข้อดีของ DCA คือช่วยสร้างวินัยในการออมและลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาหุ้น ทำให้นักลงทุนไม่ต้องพยายามจับจังหวะตลาด
2. อย่างไรก็ตาม, DCA อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนเสมอไป เพราะมันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระยะเวลาการลงทุน, ความสามารถในการรับความสี่ยง, และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละบุคคล
3. สำหรับบางคนที่ต้องการผลตอบแทนสูงสุด และสามารถรับความเสี่ยงได้, การลงทุนแบบเลือกจังหวะ (timing the market) อาจเหมาะสมกว่า แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคง และมีวินัยในการออม, DCA อาจเป็นทางเลือกที่ดี
ในท้ายที่สุด, การเลือกวิธีการลงทุนควรพิจารณาจากสถานการณ์ส่วนบุคคลและคำปรึกษาจากที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความรู้ และประสบการณ์เพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
เป็นอย่างไรครับคำตอบที่ได้ ค่อนข้างชัดเจนนะครับว่าหากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงแล้ว DCA คือคำตอบที่ดี
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งในการใช้ AI ที่รู้เรื่องการเงิน รู้จักและเข้าในเรื่องของการ DCA ส่วนคุณในฐานะนักลงทุนจำเป็นต้องรู้ตัวเองว่า คุณเป็นนักลงทุนแบบไหน นี่คือสิ่งที่ AI ยังตอบไม่ได้ เพราะยังเรีนนรู้ไปไม่ถึงจิตใจของคุณในเวลานี้ แต่อนาคตไม่แน่นะครับ หาก AI ได้เห็นพฤติกรรมการลงทุนของคุณบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้เพราะในโลกการลงทุน ผมได้มีการใช้ AI กับการลงทุนมาเป็นเวลานานมากแล้วครับกองทุนระดับโลกหลายแห่งก็ได้นำ AI มาใช้บริหารพอร์ตลงทุน ไม่ว่าจะเป็น JPMorgan Chase & Co, Morgan Stanley, Vanguard Group, Deutsche Bank AG, ING Groep NV, Fidelity และ Wealthfront ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 บริษัทจัดการลงทุนที่นำ AI มาใช้บริหารจัดการพอร์ตลงทุนมากที่สุดนั่นเอง
และปัจจุบัน 70% ของปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดสหรัฐฯ มาจาก AI ทั้งการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์และมนุษย์เป็นผู้ตัดสินใจลงทุน และการใช้ AI ทำการซื้อขายหุ้นเองแบบเบ็ดเสร็จ และนับวัน AI จะฉลาดมากขึ้นจากข้อมูลที่เราป้อนเข้าไป บวกกับการเรียนรู้สภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลานั้น
ผมขอยกตัวอย่าง Jitta Intel ซึ่งเป็น AI ของ Jitta ทำงานต่อเนื่องมาตั้งแต่ก่อตั้งจิตตะเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ทำการประมวลผลข้อมูลกว่า 1,000 ล้านชุดข้อมูลต่อวันเพื่อวิเคราะห์หุ้นทั่วโลกกว่า 48,000 หุ้น ครอบคลุมหุ้น 90% ทั่วโลก เพื่อหาหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดของแต่ละตลาด (Jitta Ranking) ตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing: VI) ที่ใช้ศาสตร์ของ ‘Quant VI’ ช่วยคัดหุ้นดีราคาถูก สร้างผลตอบแทนชนะตลาดได้ในระยะยาว
และต่อมาก็ได้เพิ่มศักยภาพของ AI ด้วยการนำมาพัฒนาเทคโนโลยีการลงทุนอัตโนมัติ (Automated Investing) ให้กับลูกค้า Jitta Wealth ช่วยในการบริหารจัดการพอร์ตลงทุนส่วนบุคคลให้กับนักลงทุนกว่า 68,000 พอร์ต ในทุกๆ มิติการลงทุน ทั้งการบริหารความเสี่ยง การจัดสินทรัพย์ให้กระจายทั่วโลก รวมถึงการปรับพอร์ตรายบุคคลอัตโนมัติอีกด้วย
ข้อดีอย่างนึงของการบริหารพอร์ตด้วย AI นอกจากการประมวลผลจาก Big Data ในระยะเวลาอันสั้นแล้ว สิ่งที่ AI เหนือกว่ามนุษย์ชนิดที่เลียนแบบไม่ได้เลยคือเรื่องของ ‘อารมณ์’ ครับ เพราะ AI ไม่มีอารมรณ์ ทุกครั้งที่ตลาดได้รับข่าวบางอย่างจนเกิด Panic นักลงทุนมักเทขายหุ้นออกมาเพราะความกลัว โดยไม่ได้สนใจว่านั่นคือหุ้นพื้นฐานดีหรือไม่ และนั่นก็จะเป็นโอกาสสำหรับ AI โดยเฉพาะ AI ของ Jitta Wealth ที่ยังถูกตั้งโปรแกรมให้ค้นหา ‘หุ้นดีราคาถูก’ เพื่อเข้าลงทุน AI ไม่ได้รู้สึกกลัวไปตามภาวะตลาดนะครับ
และสิ่งนึงที่พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของ AI คือเรื่องของผลตอบแทนที่ AI สามารถบริหารพอร์ตได้ดีกว่าหลายๆ กองทุนที่ใช้คนในการบริหาร เช่น Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ในช่วง 4 ปีเศษที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทน 140.27% เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนาม
AI ที่ผ่านการเรียนรู้และบททดสอบในแต่ละวิกฤติทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่งมันพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ผมเองในฐานะผู้ใช้ AI ก็ต้องไม่หยุดนิ่งเช่นกัน การเรียนรู้ระหว่างผมและ AI ดำเนินไปพร้อมๆ กัน ขณะเดียวกัน เราก็ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่าง AI Predictive Analytics ที่เป็นการนำฐานข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์ในทุกมิติ สร้างโมเดลการลงทุน เพื่อค้นหาตลาดที่น่าลงทุน และมีศักยภาพที่จะสร้างผลกำไรดีที่สุดในอนาคต ช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และสร้างผลตอบแทนได้ดีมากขึ้น
หากถาม AI ว่าในเวลานี้ ตลาดหุ้นใดที่กำลังน่าสนใจ Jitta Intel ซึ่งเป็น AI ที่ Jitta ฝึกฝนมาตลอด 12 ปี จะประมวลผลจากหุ้นทั่วโลก บวกกับพฤติกรรมการลงทุนเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพในมิติต่างๆ และยังได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา เราพบว่าอัตราส่วนหุ้นถูกแพงในตลาดต่างๆ ทั่วโลก มีนัยต่อผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาว ซึ่งคำถตอบที่ Jitta Intel พบในเวลานี้ ชี้ไปที่ตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกง เป็นตลาดที่มีจำนวนหุ้นดีราคาถูกมากที่สุด หรือมีมากกว่าหุ้นดีที่ราคาแพง จึงบอกได้ว่าเป็นตลาดที่น่าลงทุนและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้มากที่สุด
นี่คือความล้ำหน้าของ AI ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ซื้อขายตามคำสั่งที่ป้อนเข้าไปเท่านั้น แต่ยังสามารถนำข้อมูลในอดีตมาคาดการณ์อนาคตให้เราลงทุนได้เสียด้วย แน่นอนครับ AI เพื่อการลงทุนยังได้รับการพัฒนาต่อไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินและการลงทุนในมิติต่างๆ ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น ตรงตามรูปแบบการลงทุนเฉพาะบุคคล ความเสี่ยงและ Lifestyle ของแต่ละบุคคล ซึ่งผมเชื่อว่าจะช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องง่ายและออกแบบได้เฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้คนที่ไม่เคยออกไปลงทุนต่างประเทศได้ ก็กลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น ด้วยเงินลงทุนที่ไม่ต้องสูงมากเหมือนในอดีตแล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราก็ยังพบว่ามีคนอีกกลุ่มที่สนใจลงทุน แต่ยังติดอุปสรรคหลายๆ ด้าน หนึ่งในนั้นคือเรื่องของวินัยทางการเงินที่ไม่สามารถเก็บออมจนมีเงินเริ่มต้นเพียงพอที่จะลงทุนได้ และรู้สึกว่าการลงทุนเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงได้ ผมถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะเรื่องของการลงทุนเป็นพื้นฐานสำคัญหนึ่งในการใช้ชีวิต และเป็นพื้นฐานที่จะพาไปสู่โอกาสใหม่ๆ ในชีวิต ซึ่ง AI ก็กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มาช่วยออกแบบวิธีการเก็บออมให้เป็นเรื่องง่าย ใครจะรู้เงินเล็กๆ น้อยๆ ของคุณอาจสร้างมูลค่ามหาศาลได้ในอีกไม่นานนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาปลดล็อกอุปสรรคต่างๆ ให้คุณได้เข้าถึงการลงทุนด้วยวิธีที่คุณเอง อาจจะคาดไม่ถึงก็ได้นะครับ