อย่างที่รู้ ๆ กันว่ามิจฉาชีพเดี๋ยวนี้เก่งมาก ๆ พร้อมจะใช้เทคโนโลยีและเล่ห์กลสารพัดเพื่อดูดเงินของเรา และแม้แต่ คริปโตเคอร์เรนซี หรือ เงินดิจิทัล ก็ไม่รอด เพราะแค่ช่วงครึ่งปีแรก ก็มีเงินดิจิทัลถูกขโมยเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
รายงานจากบริษัทวิจัยด้านบล็อกเชน TRM Labs เปิดเผยว่า มีการขโมยคริปโตฯ มูลค่า 1.38 พันล้านดอลลาร์ ระหว่างวันที่ 1 มกราคมถึง 24 มิถุนายน ซึ่ง มากขึ้นกว่าสองเท่า ของจำนวน 657 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยไปในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทดังกล่าวสังเกตว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลโดยเฉลี่ยสูงขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกขโมยสูงขึ้น
เช่นเดียวกับปีที่แล้ว การโจมตีครั้งใหญ่เพียงไม่กี่ครั้งส่งผลให้การขโมยคริปโตเพิ่มขึ้น โดย แฮกเกอร์ 5 อันดับแรก คิดเป็น 70% ของจำนวนเงินที่ถูกขโมยไปในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเวกเตอร์การโจมตีอันดับต้น ๆ ในปี 2024 ได้แก่ Private key และ Seed Phrase ซึ่งเป็นลำดับคำแบบสุ่มที่จัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นในการเข้าถึงหรือกู้คืน Crypto Wallet
โดยการโจรกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้คือการ ขโมย Bitcoin มูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ จากเว็บแลกเปลี่ยนคริปโต DMM Bitcoin ของญี่ปุ่น โดยแฮกเกอร์ใช้ Private key ที่ขโมยมาหรือ การปลอมแปลงที่อยู่กระเป๋าเงิน (address poisoning) โดยผู้โจมตีจะส่งสกุลเงินดิจิทัลจำนวนเล็กน้อยจากกระเป๋าเงินที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบที่อยู่ของคุณหรือผู้รับของคุณโดยมีจุดประสงค์เพื่อหลอกล่อเหยื่อให้ส่งเงินไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่ถูกต้อง
TRM Labs กล่าวว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานใด ๆ ในระบบรักษาความปลอดภัยของระบบนิเวศคริปโตที่อาจส่งผลให้มูลค่าการขโมยเพิ่มขึ้น โดยระบุว่าจำนวนการโจมตีและเวกเตอร์การโจมตี ไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญในแต่ละปี
ทั้งนี้ บริษัท Crypto มักตกเป็นเป้าหมายของการแฮกและการโจมตีทางไซเบอร์ โดยตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล Mt.Gox ยื่นฟ้องล้มละลายในปี 2014 หลังจากถูกแฮกหลายครั้งจนขโมย Bitcoin ไปได้ถึง 950,000 Bitcoin ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 54,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อพิจารณาจากราคาปัจจุบัน
หรือในเดือนพฤศจิกายนมีการขโมยเงินไปประมาณ 115 ล้านเหรียญ จากการแลกเปลี่ยน HTX และ Heco Chain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคริปโต 2 แห่งที่เชื่อมโยงกับ Justin Sun ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง