“เอแคลร์ จือปาก” จากเด็กสลัมคลองเตย สู่อินฟลูตัวท็อป สร้างไวรัล “เมร่อน” ทั่วเมือง

  • เส้นทางชีวิตของเอแคลร์ จือปากเริ่มต้นจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์สายรักษาสิว แล้วเพิ่มบทบาทเป็นยูทูบเบอร์ จนมาถึงล่าสุดกับการทำเพลง และเป็นผู้บริหารแบรนด์สกินแคร์ Elite Care  
  • ขอทำเพลงเป็นฟรีแลนซ์ ไม่ทำค่ายเพลงจริงจัง 

จากเด็กเติบโตในสลัม สู่อินฟลูตัวท็อป 

บล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือยูทูบเบอร์ ขึ้นชื่อว่าเป็นอาชีพใฝ่ฝันของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน เพราะมีรายได้ดี แถมยังมีความอิสระ ทำให้ในยุคนี้ได้เห็นบล็อกเกอร์หน้าใหม่แจ้งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีอินฟลูเอนเซอร์ที่อยู่ในวงการมานาน และยังมีผลงาน และอยู่ในสื่ออยู่ตลอดเช่นกัน

Positioning พามาพูดคุยกับ “เอแคลร์ จือปาก” หนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ชาว LGBTQ ตัวท็อปแห่งยุคอีกคนหนึ่ง ที่ล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์เมร่อนกระฉ่อนทั่วเมือง 

เส้นทางชีวิตของเอแคลร์ หรือ ชาติศักดิ์ มหาทา เป็นเด็กที่สู้ชีวิตคนหนึ่ง เติบโตในสลัม แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเรียนเก่ง จึงได้รับการยอมรับตั้งแต่เด็ก ได้เริ่มต้นจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ก่อนตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย แต่เป็นการเริ่มเพราะอยากล้อเลียน เนื่องจากสมัยนั้นการเป็นบล็อกเกอร์กำลังเริ่มเป็นที่นิยมกันมาก แต่จับพลัดจับผลูดันดังขึ้นมาเสียเอง!  

เอแคลร์เริ่มเล่าว่า จุดเริ่มต้นในการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เป็นเด็กมหาลัยคนนึง สมัยนั้นการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์มันดังมาก ใครๆ ก็อยากเป็น จริงๆ เราไม่ได้อยากเป็น เราแค่อยากล้อเลียนเฉยๆ ตอนนั้นทำคลิปล้อเลียนแล้วพากย์เสียงรถบั๊ม กลายเป็นว่าคลิปนั้นดังมาก ยอดล้านวิวภายในคืนเดียว สมัยนั้นมันเรื่องใหญ่มาก เพราะไม่มีใครทำได้ แพลตฟอร์มก็ยังไม่เยอะ มีแต่เพจเฟซบุ๊ก ทำให้มีชื่อเสียงตั้งแต่นั้นมา มีคนจ้างงานรีวิวแบบจ่ายเงินข้ามปีก็มี”

หลังจากนั้นเอแคลร์ก็เริ่มต้นการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์แบบจริงจัง เน้นไปทางสาย “รักษาสิว” โดยเฉพาะ เพราะเป็นคนเป็นสิวอยู่แล้ว สินค้าที่รับรีวิวก็เป็นสินค้าเกี่ยวกับสิว 

“เราเป็นคนที่เป็นสิวจริงๆ ก็เสนอในมุมมองของชาวบ้านในการรักษาสิว เพราะเราโตมาในสลัม ถ้าเราไม่มีเงินไปทำสวย ไม่มีเงินไปเลเซอร์ แต่เราสามารถซื้อครีมในตลาดใช้ได้มั้ย เสนอรูทีนง่ายๆ ให้สำหรับคนที่ไม่เก่งเรื่องดูแลผิวพรรณ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาเรารักษาสิวหายได้ด้วยตัวเอง เลยคิดว่ามันก็ได้นี่ ถ้ารู้จักการรักษาผิวพรรณ เช็ดหน้าให้สะอาด แล้วรู้ว่าบำรุงผิวแบบไหน” 

จากประสบการณ์ 7 ปีของเอแคลร์ที่รีวิวสินค้าเกี่ยวกับสิวมาโดยตลอด จึงตกตะกอนคลอดออกมาเป็นแบรนด์ของตัวเองในนาม Elite Care เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่เน้นการรักษาสิวโดยเฉพาะ 

“เรารีวิวสินค้ามา 7 ปี แล้วคนจะตามไปซื้อทั้งเชลฟ์ก็มี เราดีใจที่ขายของให้ลูกค้าได้ แต่ลูกค้าจำไม่ได้ว่าเอแคลร์รีวิวตัวไหนไปบ้าง แม้มันจะน้อย SKU มากเลยนะ แต่คนก็ถามเสมอว่าใช้อะไรสิวหาย ใช้อะไรลดรอยดำรอยแดง เราแค่ขี้เกียจตอบ เลยออกมาทำแบรนด์ตัวเอง เอาให้จบไปเลย” 

3 บทบาท ยูทูบเบอร์ เจ้าของแบรนด์ ค่ายเพลง

ปัจจุบันเอแคลร์มีบทบาทใน 3 ขาหลักๆ ก็คือ เป็นยูทูบเบอร์ทำเพจจือปาก, เป็นผู้บริหารแบรนด์ Elite Care และค่ายเพลงแบบย่อมๆ ที่เพิ่งปล่อยเพลงเมร่อนออกไป มีคนติดต่องานโชว์อยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีรายได้จริงจังเหมือนยูทูบเบอร์ และแบรนด์สกินแคร์

โดยที่หลังจากนี้เอแคลร์จะโฟกัสที่การทำธุรกิจเป็นหลัก คาดว่าจะสร้างรายได้ที่ยั่งยืนมากที่สุด โดยจะมีเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น ให้ตอบโจทย์คนเป็นสิวแบบครบวงจร 

สำหรับในส่วนของยูทูบเบอร์เพจจือปากจะมีการวางแผนทำคอนเทนต์มากขึ้น และอนาคตอาจจะต่อยอดเป็นโปรดักชั่นเฮาส์ 

Processed with VSCO with al3 preset

“เอแคลร์ทำคอนเทนต์ตามวัยตัวเอง ทำเรื่องราวตามอายุ สมัยก่อนเป็นเรื่องของนักศึกษา พอเรียนจบเป็นเรื่องของคนเริ่มทำงาน ก็ต้องซื้อบ้าน เลยทำโฮมทัวร์ ตอนนี้โตขึ้นก็ต้องทำแบรนด์ อีกเรื่องที่เพจจือปากยังไม่เคยทำคือเรื่องของเซ็กส์ มองว่าเรายังไม่ถึง 30 ยังไม่โตพอที่จะพูด เอแคลร์เป็นคนวางแผนตัวเอง เล่าเรื่องอะไร เล่าตามอายุของตัวเอง วัยนี้เป็นวัยที่เพิ่งพ้นจากการเป็นสิวมา ต่อไปถ้าเอแคลร์อายุ 35 อาจจะมีไลน์สินค้าสำหรับเอจจิ้งออกมาก็ได้”   

เอแคลร์ เสริมอีกว่า “ตอนนี้บริษัท จือปาก เริ่มรับเด็กฝึกงานแล้วรับเป็นพนักงานประจำต่อ อนาคตจือปากอาจจะต่อยอดเป็นโปรดักชั่นเฮาส์ก็ได้ ซึ่งตอนนี้เรามีเรทราคาหลักหมื่น แต่อินฟลูฯ คนอื่นราคาไปไกลกว่านี้เยอะ แต่เรากลัวไม่มีงานเลยคิดราคาถูก ทำให้เรามีงานเยอะตลอด”

ถ้าถามว่าใน 3 บทบาทนี้ ส่วนไหนมีความยากที่สุด เอแคลร์บอกว่ามีความยากง่ายพอๆ กัน แต่ละส่วนจะแตกต่างกัน การเป็นยูทูบเบอร์จะหายไปสักวันนึงไม่ได้เลย ถ้าหายไปสักครึ่งวันคนจะลืมแล้ว ต้องมีคอนเทนต์ตลอด มีคอนเทนต์ขายของได้ต่อ ห้ามหายไปจากสื่อ ส่วนการทำแบรนด์ก็เหมือนกัน ถ้าวันไหนลืมคอนเทนต์เช็ดหน้าคนก็ลืมแล้ว ไปซื้อแบรนด์อื่นที่จัดโปรฯ แล้ว เพราะตลาดแข่งขันกันเดือดมาก ยิ่งในติ๊กต็อกยิ่งเดือด ต้องมีสื่อในการซัพพอร์ต 

ปรากฏการณ์ “เมร่อน” กับการทำเพลงไม่ถึงเดือน

สำหรับบทบาทในการทำเพลง ที่เรียกได้ว่าสร้างกระแสเมร่อนไปทั่วเมืองได้ เอแคลร์บอกว่าขอเป็นการทำแบบฟรีแลนซ์ ยังไม่ถึงกับทำค่ายเพลงจริงจัง 

เอแคลร์ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำเพลงเมร่อน ที่ใช้เวลาทำไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ด้วยงบลงทุนหลักแสน “พอดีมีกลุ่มที่สนิทชื่อว่าหิวหวี แล้วจะมีมีพี่ Badmixy หรือมิกซ์ เฉลิมศรี เป็นคนชอบแต่งเพลง แล้วชอบแต่งเพลงไว้ทิ้งในกลุ่มไลน์ แล้วลง Voice เสียงว่าเพลงร้องแบบนี้นะ ใครจะเอาไปร้องก็เอาไปได้เลย แล้วถึงคิวเราที่ต้องเอาไปร้องพอดี เลยจับพลัดจับผลูทำเลย”

ก่อนหน้านี้ที่เป็นช่วง COVID-19 มีการทำเพลงล้อเลียนออกมาเล่นๆ เป็นคอนเทนต์ลงยูทูบอยู่แล้ว แต่เพลงเมร่อนเป็นการทำเพลงจริงจังครั้งแรก ที่ทำ MV แล้วลงยูทูบ ลงมิวสิคสตรีมมิ่ง เชิญนักร้องอาชีพมาแจม เพียงแต่ไม่ได้ทำเป็นค่ายเพลงเท่านั้นเอง

“โปรดักชั่นต่างๆ ทำเองหมดเลย เป็นการว่าจ้างคนใกล้ตัว ใช้งบหลักแสนน้อยๆ มีคนช่วยแต่งเพลง ค่า Featuring ก็ไม่เสีย เพราะพวกแม่ๆ มาช่วยร้องให้ การทำดนตรีก็ไม่แพงมาก เพราะรู้จักคนทำอยู่แล้ว รวมแล้วใช้เวลาแค่หลักอาทิตย์เท่านั้น เราคิดแล้วรีบทำเลย โชคดีที่ปล่อยเพลงช่วงสงกรานต์ เลยได้ไวรัล”

ถ้าถามว่าในอนาคตจะพัฒนาไปทำค่ายเพลงหรือไม่ เอแคลร์บอกว่าไม่คิดทำค่ายเพลง อยากทำเพลงเป็นฟรีแลนซ์ อยากทำก็เมื่ออยากทำเท่านั้น ไม่ได้รับงานร้องเพลง ส่วนใครจะเอาเพลงไปร้องก็เอาไปได้ ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์ เพราะหน้าที่หลักจะโฟกัสกับยูทูบ และธุรกิจ

“เมร่อนเป็นใบเบิกทางในเส้นทางเพลงก็จริง แต่เรามองว่าเป็นงานศิลปะ ทำก็เมื่ออยากทำ ไม่ใช่ว่าเมร่อนมันดัง แล้วจะเริ่มทำๆๆ ต่อได้เลย เราไม่รู้ว่าเพลงต่อมามันจะดังมั้ย ไม่กล้าเปิดค่าย ปกติคนทำเพลงจะต้องเปิดช่องแยก แล้วไปตั้งค่าว่าเป็นช่องเพลง ไม่ใช่ช่องไลฟ์สไตล์ วันที่เมร่อนลงวันแรกมันเป็นล้านวิวเลย ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา มันขึ้นวันละล้านวิวเลย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นช่องยูทูบไม่ใช่ช่องเพลง มันเป็นช่องไลฟ์สไตล์ คนจะค้นหาเพลงไม่เจอ คนจะเจอก็ต่อเมื่อคนมาหาที่หน้ายูทูบของเรา เป็นเทคนิคทางยูทูบ ถ้าจะทำเพลงก็ต้องเปิดช่องเพลงแยกต่างหาก” 

คาแรคเตอร์ชัด อยู่ในสื่อตลอด

เส้นทางกว่าจะมาเป็นเอแคลร์ จือปาก มีบทเรียนหลายอย่าง แต่มีความโชคดีกว่าคนอื่นที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน จนคนรู้จักง่าย เอแคลร์บอกว่า เราโตมากับทีวี เราออกรายการทีวีเสมอ ไม่รู้ว่าคาแรคเตอร์อะไรไปตรงกับทีวีเขาถึงเชิญไปออกรายการ เป็นคนที่อยู่ในสื่อตลอดเวลา 7 ปีเต็ม บางคนล้มหายตายจาก แต่เรายังอยู่ได้เพราะอยู่ในสื่อตลอดเวลา 

“ยุคนี้มีการเปิดกว้างของ LGBTQ มากขึ้น หลายคนถามว่าผ่านมาได้อย่างไร เพราะบ้านอยู่ในสลัมคลองเตย แต่ด้วยความที่เป็นเด็กเนิร์ด ตั้งใจเรียน เหมือนเป็นผ้ายันต์บางอย่างที่ทำให้บางคนไม่กล้าเข้ามายุ่ง คนอาจจะกลัวคนสลัม แต่เขาจะเกรงใจคนฉลาด ให้เกียรติคนมีความรู้มากๆ ถ้ามองในเรื่องของการยอมรับในสังคม โชคดีที่คนยอมรับตั้งแต่เด็ก สามารถเติบโตโลดแล่นได้เลย”

สำหรับบทบาทการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์อาจจะไม่ค่อยเห็นการรีวิวมากเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้มีแบรนด์เป็นของตัวเอง แต่ยังคงเป็นเอแคลร์กับการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ต่อไปอย่างแน่นอน