บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SET: SHR) ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับนานาชาติ ในเครือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) โชว์ผลงานไตรมาส 2 ของปี 2567มีรายได้จากการให้บริการรวม 2,469.1 ล้านบาท รับแรงหนุนจากดีมานด์การท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคที่มีการดำเนินการอยู่ขยายตัวเนื่องประกอบกับกระแสตอบรับที่ดีต่อห้องพักรูปแบบใหม่ของโรงแรมทั้งในประเทศไทย และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ ซึ่งช่วยผลักดันให้ ADR ทั้งพอร์ทเติบโตขึ้น 15% ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทฯรายงานกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจาก 7.7 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกเหนือจากแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การนำเสนอห้องพักรูปแบบใหม่ที่สามารถตอบสนองเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เป็นผลให้โรงแรมทั้งสองแห่งในฟิจิมีรายได้เติบโตขึ้นโดดเด่นกว่า 46% เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นในการดำเนินกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกและการกำหนดราคาห้องพักแบบยืดหยุ่นที่มีประสิทธิภาพ (Dynamic Pricing) ได้ช่วยสร้างส่วนผสมลูกค้าให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น (Balanced market-mix) ทั้งยังหนุนให้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ของโรงแรม 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS Maldives และโรงแรมที่บริษัทฯบริหารจัดการเองอีก 3 แห่งในประเทศไทย ปรับเพิ่มขึ้น 12% และ 17% ตามลำดับ โดยความสำเร็จดังกล่าวข้างต้น สามารถชดเชยผลกระทบของการปิดปรับปรุงห้องพักบางส่วนของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต จำนวน 173 ห้อง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2567 เพิ่มขึ้น 8% และมีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่า 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 563.7 ล้านบาท
นายไมเคิล มาร์แชล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “ภาพรวมผลประกอบการในไตรมาสนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพ และความแข็งแกร่งของโรงแรมในพอร์ทโฟลิโอของบริษัทฯ ทั้งในมิติของความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และตะวันออกกลาง ซึ่งสามารถชดเชยนักท่องเที่ยวจากอินเดียที่ชะลอลงรวมถึงศักยภาพในการสร้างรายได้และ EBITDA ที่เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวของปีก่อน แม้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวทั้งจากการปิดปรับปรุงห้องพัก และผลการดำเนินงานในช่วงต้นของการเปิดให้บริการโรงแรม SO/ Maldives ทั้งนี้ หากพิจารณาโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวข้างต้นผลการดำเนินงานของโรงแรมอื่นๆ ในพอร์ทโฟลิโอสามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยพลิกกลับมาบันทึกผลกำไรสุทธิได้ในไตรมาสนี้”
สำหรับครึ่งแรกของปี 2567SHR รายงานรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,211.9 ล้านบาท สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวและการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ ไทย มัลดีฟส์ และฟิจิ ขณะที่โรงแรมในสหราชอาณาจักรมีรายได้ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากสัญญาเช่าบริหารโรงแรม 1 แห่งที่สิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2566 และการขายสินทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขาย โรงแรม Mercure Wetherby ด้วยมูลค่า 5.8ล้านปอนด์ (เทียบเท่า 269.5ล้านบาท) ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาโดยการขายสินทรัพย์ครั้งนี้ จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงได้ประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี ทั้งยังส่งผลให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E Ratio) ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 ลดลงเหลือ 0.81 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขทางการเงินของ บริษัทฯ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และความพร้อมสำหรับการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้ต่อไปในอนาคต
นายไมเคิลกล่าวเพิ่มเติมว่า “การบรรลุข้อตกลงในการขายโรงแรม Mercure Wetherby เป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้ากลยุทธ์หมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) อย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ เช่นเดียวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Ascott ในการยกระดับโรงแรมศักยภาพที่ตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทั้งสี่แห่งในสหราชอาณาจักร โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจที่มีศักยภาพคุ้มค่าเงินลงทุนทั้งยังสามารถรักษาระดับความมั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทฯให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพผลการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น”
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2567 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น รับแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาส 3 ของโรงแรมในฟิจิ และสหราชอาณาจักร แนวโน้มพัฒนาการเชิงบวกของผลการดำเนินงานโรงแรม SO/ Maldives ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นชัดเจนในช่วงไตรมาส 4 รวมถึงแผนการเปิดตัวห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ตในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ประกอบกับกลยุทธ์การควบคุมต้นทุน และบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไร (EBITDA Margin) ส่งผลให้คาดการณ์รายได้ และกำไรในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2567 ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 1/2568 จะสามารถเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
“SHR มุ่งเน้นที่การเติบโตแบบยั่งยืนเป็นหัวใจหลักในการดำเนินงาน จะเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่ได้วางเอาไว้ ผ่านการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ ยกระดับประสิทธิภาพผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ในพอร์ทโฟลิโอปัจจุบัน มองหาช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อบริหาร RevPAR ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทุกสภาวะตลาด พร้อมกับเปิดรับโอกาสขยายธุรกิจใหม่ๆ ในรูปแบบที่มีเหมาะสมและคุ้มค่าอยู่เสมอ โดยทั้งหมด เราจะดำเนินการควบคู่กันกับการพัฒนาแบรนด์ทราย (SAii) เพื่อยกระดับประสบการณ์การเข้าพักแก่ลูกค้า และสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ให้สามารถมั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุดให้แก่ผู้ถือหุ้น” นายไมเคิล กล่าวปิดท้าย