เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (SET: SHR)ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทระดับนานาชาติในเครือบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)(SET: S)ประกาศผนึกกำลังกับ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด(SGX: Ascott)ผู้นำในการดำเนินการด้านที่พักครบวงจรและเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ (CapitaLand Investment) (SGX: 9CI) เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว, ในการปรับเปลี่ยนกลุ่มโรงแรมในเครือของเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในเมืองเอดินบะระและเลสเตอร์ ให้มาอยู่ภายใต้แบรนด์ ดิอันลิมิเต็ด คอลเลกชัน (The Unlimited Collection) และจากการปรับกลยุทธ์ครั้งนี้ โรงแรม Mercure Edinburgh City Princes Street และ The Grand Hotel Leicester จะถูกรีแบรนด์มาอยู่ภายใต้ ดิอันลิมิเต็ด คอลเลกชันถือเป็นการเปิดตัวแอสคอทท์ ที่มีความโดดเด่นในด้านของความเป็นบูติกแบรนด์ นอกทวีปเอเชีย และในสหราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก
จากการสำรวจล่าสุดโดย Skyscanner พบว่านักท่องเที่ยวสายพักผ่อนมีความสนใจที่จะสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นมากขึ้น โดย 54% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าวัฒนธรรมของสถานที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว และสหราชอาณาจักรก็เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกทั้งด้านศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม จึงเป็นประเทศที่อยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) จึงได้เลือกโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอสองแห่งจากจำนวน 26 แห่งในสหราชอาณาจักร มาปรับเปลี่ยนให้อยู่ภายใต้ชื่อ ดิอันลิมิเต็ด คอลเลกชัน บาย แอสคอทท์ (The Unlimited Collection by Ascott) ร่วมกับกลุ่มโรงแรมอิสระที่ถูกคัดสรรมา ด้วยดีไซน์อันโดดเด่น อยู่ในทำเลที่ตั้งที่คึกคักมีชีวิตชีวา เติมเต็มความต้องการของนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสได้ประสบการณ์วัฒนธรรมของท้องถิ่นอย่างแท้จริง ที่พักทุกแห่งในกลุ่ม ดิอันลิมิเต็ด คอลเลกชัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครจากทุกจุดหมายปลายทาง แต่ละแห่งถือเป็นแลนมาร์คสำคัญในท้องถิ่น นำพาผู้เข้าพักไปสู่ประสบการณ์การท่องเที่ยวอันน่าทึ่งและส่วนตัวผ่านการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงกับชุมชนท้องถิ่นที่จะประทับใจไม่รู้ลืม
ภายในสิ้นปี 2567 โรงแรม Mercure Edinburgh City Princes Street ขนาด 169 ห้องที่ตั้งอยู่ใจกลางเอดินบะระ เมืองหลวงแห่งประวัติศาสตร์ของสก็อตแลนด์ จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Mount Royal Hotel Edinburgh by The Unlimited Collectionโรงแรมแห่งนี้มาพร้อมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของปราสาทเอดินบะระ
เมืองเอดินบะระแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญยิ่งของสหราชอาณาจักร มีทิวทัศน์และบรรยากาศสวยงามเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ผสมผสานทั้งเมืองเก่าแบบยุคกลางและเมืองใหม่แบบนีโอคลาสสิก และได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2538 โดยหลังจากสิ้นสุดช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 สนามบินนานาชาติในเมืองนี้ซึ่งให้บริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ก็คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต่างเดินทางมาเพื่อพักผ่อน
ขณะเดียวกันโรงแรม The Grand Hotel Leicester ก็จะเปลี่ยนชื่อเป็น The Grand Hotel Leicester by The Unlimited Collectionในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ต้อนรับแขกผู้มาเยือนให้มาสัมผัสความหรูหราของอาคารสไตล์วิกตอเรียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอาคารประวัติศาสตร์ (GradeII) ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญระดับประเทศหลายครั้ง โดยจะมีการรีโนเวทห้องพักและห้องสวีทจำนวน 104 ห้อง รวมถึงร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการจัดประชุมขนาดใหญ่ของโรงแรมก่อนเปิดให้บริการอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะมอบประสบการณ์น่าจดจำในเมืองแห่งมิดแลนด์หรือตอนกลางของสหราชอาณาจักร ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม สำหรับเลสเตอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมิดแลนด์ ก็มีชื่อเสียงด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา เป็นที่ตั้งของแกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ และโรงละครหลายแห่งที่จัดการแสดงหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นสถานที่ฝังศพของกษัตริย์ริชาร์ดที่ 3 ณ สุสานภายในวิหารเลสเตอร์ โดยเมืองเลสเตอร์อยู่ห่างจากลอนดอนเพียงหนึ่งชั่วโมง ทำให้ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ผสมผสานทั้งมรดกทางประวัติศาสตร์และความร่วมสมัยอันน่าตื่นตาตื่นใจ
“เรามั่นใจว่าการได้ผนึกกำลังกับบริษัทที่แข็งแกร่งในธุรกิจการบริการอย่างแอสคอทท์ ถือเป็นกระบวนการทางกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับกลุ่มสิงห์ เอสเตท และ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทโดยอาคารอันโดดเด่นเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ของเราในสหราชอาณาจักร และเรามั่นใจว่าภายใต้แบรนด์ ดิอันลิมิเต็ด คอลเลกชันทีมแอสคอทท์จะดึงศักยภาพของตัวโรงแรมออกมาได้อย่างเต็มที่” มร.ไมเคิล มาร์แชล (Michael Marshall) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทกล่าว “แบรนด์ ดิอันลิมิเต็ด คอลเลกชัน โดดเด่นด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถถ่ายทอดแก่นแท้และจิตวิญญาณของเมืองอันเป็นที่ตั้ง ซึ่งเหมาะเจาะลงตัวเป็นอย่างยิ่งกับโรงแรมของเราในเอดินบะระและเลสเตอร์ การรีแบรนด์นี้เป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จในกลยุทธ์โดยรวมของเราในสหราชอาณาจักรซึ่งจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 2567 และปีถัดไป เราคาดหวังว่าการร่วมมือกับแอสคอทท์ในสองเมืองสำคัญในสหราชอาณาจักรนี้ จะเพิ่มสัดส่วนจำนวนรายได้ต่อห้อง (RevPAR) ให้มากขึ้นถึง 30% ภายในปี 2569 เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนในปี 2566 ตามแผนที่เราประกาศไว้ก่อนหน้านี้”
มร. เควินโกห์ (Kevin Goh) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำหรับแอสคอทท์และที่พักแคปปิตอลแลนด์อินเวสเมนท์กล่าวว่า “แอสคอทท์มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำในเอเชียอย่างสิงห์เอสเตทและเอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ทเพื่อสร้างปรากฏการณ์ให้กับภาคธุรกิจการบริการในยุโรปซึ่งเป็นภาคพื้นสำคัญของแอสคอทท์ในการขยายธุรกิจไปทั่วโลกเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับความไว้วางใจให้นำโรงแรมอันเป็นเอกลักษณ์ทั้งสองแห่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดิอันลิมิเต็ดคอลเลกชันซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีดีไซน์อันโดดเด่นอยู่ในทำเลที่ตั้งที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวเติมเต็มความต้องการของนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสและได้รับประสบการณ์วัฒนธรรมของท้องถิ่นอย่างแท้จริงเราจะต่อยอดความเป็นมืออาชีพของแอสคอทท์เพื่อนำทั้งสองโรงแรมให้โดดเด่นในตลาดอย่างรวดเร็วโดยยังคงจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนเจ้าของโรงแรมทั้งหลายต่อไปด้วยพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่หลากหลายการปรับเปลี่ยนที่เหมาะสมและด้วยความรู้ด้านการตลาดเชิงลึกซึ่งเป็นจุดแข็งของแอสคอทท์